12 ที่เที่ยวญี่ปุ่น 2022 ที่คุณไม่ควรพลาด หลังจากเปิดประเทศ!

หลังมีการระบาดอย่างรุนแรงของโรค COVID-19 ทำให้ต้องมีการปิดประเทศเพื่อจัดการและคลี่คลายสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้นก่อน และในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วที่จะเที่ยวญี่ปุ่นกันได้อีกครั้ง หลังจากที่มีการประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ พร้อมเที่ยวบินต่างๆ ก็จัดโปรกันกระหน่ำ ใครที่อยากไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมานานแล้ว และเป็นครั้งแรกด้วย ลองเอาเช็กลิสต์ที่เที่ยวเหล่านี้ไปใช้กันได้เลย

1.โตเกียว ทาวเวอร์

เริ่มต้นกันที่แลนด์มาร์กสำคัญของญี่ปุ่นชนิดที่ว่าใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึง โตเกียวทาวเวอร์ มีลักษณะเป็นหอคอยที่ใช้ประโยชน์ทางด้านการสื่อสารเป็นหลัก คือใช้เพื่อถ่ายทอดสัญญาณวิทยุและสัญญาณโทรทัศน์ ตั้งอยู่ในเมืองมินาโตะ กรุงโตเกียวเมืองหลวงของประเทศเลย สถานที่เที่ยวแห่งนี้มีผู้มาเยือนเยอะมากถึง 2.5 ล้านคนต่อปี ถึงแม้ว่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลในฝรั่งเศส แต่ก็ได้ผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นลงไปอย่างลงตัว ใครที่คิดว่าที่นี่ไม่น่าจะมีอะไร ไปถ่ายรูปไว้ลงโซเชียลไว้หน่อยก็ยังดี

2.พระราชวังอิมพีเรียล

ใครที่ชอบการท่องเที่ยวตามสถานที่ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องไม่พลาดการไปเยือนพระราชวังอิมพีเรียลสักครั้ง ที่นี่มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “พระราชวังเอโดะ” ซึ่งแต่เดิมเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นในอดีต ถ้าหากจะเจาะให้ลึกขึ้น แต่เดิมที่ตรงนี้เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แต่ด้วยทำเลที่ดีเลยกลายเป็นสถานที่ประชุมลับ เป็นฐานทัพ และกลายเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหารก่อนที่จะเข้าสู่ยุคเมจิ ที่มีการปฏิวัติการปกครองแบบโชกุนให้กลายมาเป็นระบบจักรพรรดิแทน และได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นพระราชวังแห่งนี้นี่เอง ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่ได้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิแล้ว แต่ก็กลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยังถูกเก็บไว้อย่างดี มีการเปิดให้คนนอกเข้าชมเป็นบางจุด และสามารถเข้าชมได้ทุกจุดเป็นบางวาระ ก็สามารถไปเยี่ยมชมและท่องเที่ยวภายในกันได้

3.ภูเขาฟูจิ

นอกจากโตเกียว ทาวเวอร์แล้ว ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับภูเขาไฟ หรือภูเขาฟูจิก็เท่ากับมาไม่ถึงญี่ปุ่นอีกเช่นกัน ภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สงและสวยที่สุดในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะมาในฤดูกาลไหนก็มีความงามที่แตกต่างกันไป และถ้าหากวันไหนท้องฟ้าปลอดโปร่งมากๆ ก็สามารถมองเห็นได้จากเมืองโตเกียว และเมืองโยโกฮาม่าด้วย

ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ชอบเที่ยวสไตล์ธรรมชาติเท่าไร ก็สามารถเยี่ยมชมภูเขาลูกนี้ได้จากรถไฟฟ้าชินคันเซ็นสายที่เดินทางจากโตเกียวไปยังเมืองนาโกย่า หรือเมืองเกียวโต แต่ถ้าหากต้องการไปเดินเล่นที่ภูเขา ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติและทะเลสาปหลายแห่งล้อมอยู่ ก็เดินทางเข้าไปโดยตรงได้เลย และถ้าหากใครสนใจอยากพิชิตยอดเขาฟูจิสักครั้ง ต้องเดินทางไปช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปีเท่านั้น และอาจจะต้องจองคิวล่วงหน้าด้วย

4.หมู่บ้านชิราคาวาโกะ

ถึงจะเห็นว่าเป็นแค่หมู่บ้าน แต่ที่เที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ เป็นมรดกโลกอันดับที่ 6 ของประเทศญี่ปุ่นเลย เนื่องจากความเก่าแก่ของหมู่บ้านแห่งนี้ และการคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่ยังโดดเด่นด้วยการสร้างบ้านแบบใช้ฟางข้าวเป็นหลังคา บ้านแต่ละหลังมีอายุมากกว่า 250 ปีแล้ว แต่ยังมีสภาพดีและแข็งแรงมากๆ สามารถทนทานได้ทั้งลมฝนและหิมะที่ตกหนักๆ และถ้าหากดูโครงสร้างของบ้านก็จะพบว่ามีลักษณะเหมือนกันเลย คือบ้านทุกหลังไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ส่วนหลังคาบ้านจะมีมุม 60 องศา แม้กระทั่งความยาวและความกว้างของตัวบ้านก็เท่ากันหมด ไม่ว่าจะไปเที่ยวชมฤดูกาลไหนก็จะสวยงามต่างกันไป แต่อยากแนะนำให้ลองไปเที่ยวช่วงหิมะตกดูสักครั้ง จะได้บรรยากาศเหมือนต่างประเทศเลย บ้านบางหลังของที่นี่เปิดเป็นที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์ให้ลองไปใช้ชีวิตแบบธรรมชาติกันด้วยนะ

5.เมืองโอซาก้า

ใครที่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น หรือดูหนังเกี่ยวกับญี่ปุ่น ต้องคุ้นเคยกับชื่อเมืองโอซาก้าเป็นอย่างดี และถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ก็ควรมาเยือนเมืองนี้กันสักวัน เพราะที่นี่ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ขนาดอันดับ 3 ของญี่ปุ่นที่เป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมรวมถึงเศรษฐกิจต่างๆ ด้วย มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง เป็นที่ตั้งของสวนสนุก Universal Studio และยังมีปราสาทโอซาก้าให้ได้ไปเดินชมกัน ขอให้รายละเอียดเพิ่มอีกนิดว่า ปราสาทโอซาก้า เป็นปราสาทที่เคยมีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเคยเกี่ยวข้องกับโชกุนผู้โด่งดังอย่างโทโยโตมิ ฮิเดโยชิด้วย เมื่อชมปราสาทเสร็จแล้วก็มีร้านอาหารอร่อยๆ ในราคาไม่แพงให้เลือกกินเพียบ

6.ปราสาทฮิเมจิ

มาต่อกันที่ปราสาทเก่าแก่อีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทที่สวยมาก และยังมีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ปราสาทแห่งนี้ได้รับการเก็บรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ และยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในแบบญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยม บริเวณรอบๆ ปราสาทยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันเหมือนในหนังหลายๆ แบบ และภายในยังมีการออกแบบให้เหมือนเขาวงกตเพื่อไม่ให้ศัตรูสามารถโจมตีได้ง่ายๆ ด้วย ใครที่สนใจสถานที่ท่องเที่ยวแนวนี้ แนะนำให้จ้างไกด์เพิ่มสักคน จะได้ความรู้ดีๆ กลับมาเพียบเลย

7.ย่านฮาราจูกุ และย่านชินจูกุ

มาถึงคิวของสายช้อปปิ้งกันบ้างแล้ว มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องมาเดินช้อปปิ้งกันที่ย่านชินจูกุ และย่านฮาราจูกุ ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดของญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ไม่ได้มีแต่ของแบรนด์เนม และร้านค้าชื่อดังที่รู้จักกันดีเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่นำเทรนด์แฟชั่นที่คนไทยเห็นแล้วต้องอมยิ้มให้กับความน่ารักกันแน่นอน ส่วนตอนกลางคืนในย่านนี้ก็จะเต็มไปด้วยสถานบันเทิงที่มีความสนุกแปลกใหม่ให้เที่ยวกันทั้งคืน ถ้าไม่รู้จะไปที่ไหนดี มาที่นี่เที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืนแบบสุดเหวี่ยงกันไปเลย

8.ตลาดปลาสึกิจิ

ใครที่ชื่นชอบการกินปลาดิบหรือซาซิมิ ก็คงจะต้องเคยได้ยินชื่อของตลาดปลาสึกิจิ ตลาดขายปลาสดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและของโลกกันอย่างแน่นอน ถ้าคุณมาเที่ยวญี่ปุ่นก็อยากให้ลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง ถ้าหากมาในช่วงเวลาเช้ามืด ก็จะเห็นการประมูลปลาทูน่าแข่งกันเป็นที่สนุกสนาน แต่ถึงจะมาเวลาอื่นก็ยังสามารถตื่นตาตื่นใจกับปลาขนาดใหญ่ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย และด้วยความที่เป็นตลาดปลานี้เอง ทำให้มีของฝากจากทะเล รวมทั้งร้านที่ขายอาหารทะเลอร่อยๆ ในราคาไม่แพงอีกด้วย มีตั้งแต่อาหารทะเลที่เป็นของพื้นบ้านหากินได้ยาก ไปจนถึงอาหารทะเลแบบเกรดพรีเมียมที่จะหาที่ไหนสดใหม่กว่าที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว

9.เมืองฮอกไกโด

ถ้าพูดถึงชื่อเมืองฮอกไกโด หลายคนอาจจะนึกออกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ขึ้นชื่อ เช่นปูฮอกไกโด นมฮอกไกโด แต่จริงๆ แล้วที่เมืองนี้ยังมีอะไรดีมากกว่านั้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางด้านธรรมชาติที่สามารถมาเยือนได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็จะมีความสวยความงามที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ฮอกไกโดยังมีเมืองหลวงชื่อซัปโปโรที่มีงานเทศกาลหิมะที่โด่งดังที่สุด ถ้าใครเคยดูภาพยนต์เรื่องแฟนเดย์ที่พระเอกพานางเอกไปเที่ยวดูงานหิมะก็คือที่นี่เลย และยังมีเมืองฮากะดาเตะที่เป็นตลาดขายอาหารทะเลท้องถิ่นอีกด้วย มาที่เมืองนี้เมืองเดียว สามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างกว่าที่คุณคิด แถมยังไม่ไกลจากเมืองหลวงโตเกียวอีกด้วย

10.ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ฟาร์มโทมิตะ

ยังอยู่กันที่ฮอกไกโด และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่อยากให้มาเยือนกันสักครั้ง จะได้รู้ว่าการเติบโตในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่จริงแล้วมีหน้าตาเป็นยังไงบ้าง อย่าคิดไปเองว่าที่นี่จะมีแค่ดอกลาเวนเดอร์ธรรมดาเหมือนไร่ดอกไม้ทั่วไป เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่มาเที่ยวฟาร์มโทมิตะ ต่างก็ต้องตกตะลึงไปกับความงามของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดสุดลูกหูลูกตา และยังแซมด้วยดอกไม้ชนิดอื่นๆ จนดูเหมือนอยู่ในสายรุ้งจริงๆ ยิ่งถ้าหากมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ก็จะเห็นดอกไม้เหล่านี้บานเต็มที่จนอดใจไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูปกันแน่นอน

11.วัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง

วัดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของประเทศญี่ปุ่น และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองโตเกียวที่ใครก็ตามที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ก็ต้องถ่ายรูปกับสถานที่แห่งนี้ทั้งในยามกลางวันและกลางคืนกันทั้งนั้น นอกจากความสวยงามและแปลกตาของวัดที่แตกต่างไปจากที่คุ้นเคยกันดีแล้ว วัดนี้ยังมีความเก่าแก่มากเกือบถึง 1,500 ปีด้วย ภายในวัดมีเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ ซึ่งก็มีความเชื่อกันว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แถมทางวัดก็ยังมีเครื่องรางน่ารักๆ ราคาไม่แพงให้พกพากลับมาเป็นสิริมงคลกันด้วย ขอแนะนำทริคนิดหนึ่งว่า หากคุณได้ทำบุญกับวัดนี้ด้วยเหรียญ 5 เยน ก็จะนำพาแต่สิ่งดีๆ มาให้

12.โตเกียวดิสนีย์แลนด์

สานฝันวัยเด็กของคุณให้กลับมาอีกครั้งด้วยการมาเยี่ยมชมแฟรนไชส์สวนสนุกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นสวนสนุกที่โด่งดังและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และยังเป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่มีนักท่องมาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 2 อีกด้วย แม้จะเปิดให้บริการมามากกว่า 30 ปี แต่ความนิยมของสวนสนุกแห่งนี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว มีทั้งเครื่องเล่น จุดถ่ายรูป ขบวนพาเหรดที่บอกได้เลยว่า หากไม่ไปแต่เช้าจริงๆ ยังไงก็เที่ยวไม่หมดกันแน่นอน และที่แนะนำสุดๆ ก็คือควรมาเที่ยวที่นี่ในช่วงวันคริสต์มาสสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะประทับใจกับการตกแต่งปราสาทของเจ้าหญิงและเจ้าชายต่างๆ รวมทั้งต้นคริสต์มาสที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยชั่วชีวิต

ใครที่เตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นกันในช่วงนี้ก็อย่าลืมปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในระหว่างการเดินทาง และยังควรใส่หน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมืออยู่บ่อยๆ ถึงสถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว แต่เชื้อโรคนี้ก็ยังคงอยู่ ยังไงกันไว้ก่อนก็ดีกว่าต้องมารักษาทีหลังแน่ๆ

Related Posts

Leave a Comment

Scroll to Top