เคาน์เตอร์ครัวแบบไหนดี

เคาน์เตอร์ครัว ควรเลือกแบบใด ให้เหมาะกับบ้านคุณ ?

เคาน์เตอร์ครัวแบบไหนดี

เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป เป็นวิธีที่สามารถสร้างครัวได้โดยใช้เวลาไม่นาน ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวมีให้เลือกหลายแบบ หลายสี ดังนั้นการหาแบบที่เหมาะกับพื้นที่ การใช้งาน และดีไซน์ของครัวได้ไม่ยาก แต่ถ้าเลือกแบบที่ไม่เหมาะอาจทำให้ต้องมีการแก้ไขซึ่งทำได้ยาก และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายมากอีกด้วย
เพื่อไม่ให้เลือกเคาน์เตอร์ครัวผิด หรือไม่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะมาแนะนำเคาน์เตอร์ครัว ควรเลือกแบบใด ให้เหมาะกับบ้านคุณ ควรจะต้องเลือกอย่างไร มาดูกันเลย

อะไรคือเคาน์เตอร์ครัว ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

ส่วนสำคัญที่สุดในครัวนั้นก็คือ “เคาน์เตอร์ครัว” เพราะถือว่าเป็นพื้นที่หลักสำหรับใช้ทำอาหารและรวมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไว้ โดยเคาน์เตอร์ครัวมีหลายแบบ เช่น รูปตัวI ตัวL ตัวUและ แบบ Island เป็นต้น แต่ทั้งนี้จะใช้แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่และการใช้งาน

ประเภทของเคาน์เตอร์ครัว มีอะไรบ้าง ?

1. เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จแบบบิวท์อิน (Built-in)

จะใช้ชิ้นส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่มีการถูกสร้างไว้แล้วมายึดติดตายตัว ส่วนใหญ่แล้วจะใช้วัสดุที่แข็งแรงและมีความทนทาน เช่น หินอ่อน และหินแกรนิต โดยเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จแบบบิวท์อินจะเหมาะกับบ้านที่ใช้ครัวบ่อย ๆ

2. เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปแบบปูน

เคาน์เตอร์ครัวปูน คือการใช้ปูนมาหล่อแล้วนำมาประกอบ และยึดติดให้เป็นเคาน์เตอร์ครัว โดยเหมาะกับการใช้กับครัวหนัก เนื่องจากมีความแข็งแรงมาก หากเปรียบเทียบกับวัสดุอื่น ๆ

3. เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปแบบถอดประกอบได้

ส่วนใหญ่จะนำวัสดุไม้สังเคราะห์ทำเป็นแผ่นและรูปทรงต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบเป็นเคาน์เตอร์ครัว โดยส่วนมากจะใช้ในคอนโดที่มีจำนวนสมาชิกในบ้านน้อยและงานครัวไม่หนัก

วิธีการเลือกเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปเพื่อการใช้สอย

วิธีการเลือกเคาน์เตอร์ครัวควรพิจารณาจากจำนวนคนในครอบครัวและการใช้สอยครัว ดังนี้

งานครัวเบา

คือการปรุงอาหารแบบเบา ๆ ทำอาหารง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์และใช้เครื่องที่มีน้ำหนักมาก เช่น ชงกาแฟ ปอกผลไม้ ปิ้งขนมปัง อุ่นอาหาร ทอดไข่เจียว เป็นต้น

งานครัวปานกลาง

คือการปรุงอาหารทั่วไปที่มีการทำในปริมาณค่อนข้างมากประมาณ 2-4 คน เช่น ทำกับข้าวแบบต้ม ผัด ทอด นึ่ง ปิ้ง และย่าง เป็นต้น

งานครัวหนัก

คือการปรุงอาหารเหมือนกับงานครัวปานกลาง แต่ต่างกันที่มีการใช้ภาชนะและอาหารหนัก โดยมีการใช้ครัวทำอาหารสำหรับ 5 คนขึ้นไป เช่น ใช้ครกตำน้ำพริก ใช้เครื่องตีแป้งขนาดใหญ่ ใช้หม้อทำแกงขนาดใหญ่ เป็นต้น

วัสดุเคาน์เตอร์ครัว ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

สำหรับการเลือกวัสดุเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป ควรพิจารณาจากโครงและท็อปเคาน์เตอร์ตามการใช้งาน หากเป็นครัวปานกลางถึงครัวหนักควรใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนต่อความร้อน และไม่ซึมน้ำ หรือซึมน้ำได้น้อย ส่วนครัวเบาสามารถใช้วัสดุราคาถูกได้ และไม่ต้องแข็งแรงทนทานนักก็ได้เช่นกัน

1.หินเทียม หรือหินสังเคราะห์

หินสังเคราะห์เหมาะกับการใช้งานครัวกลาง และหนัก เนื่องจากมีผิวที่เรียบเนียน ทนกรด ทนด่าง ทนสารเคมี ไม่ดูดซึมน้ำ และทนร้อนได้ดีกว่าหินแท้ ดังนั้นหินสังเคราะห์จึงมีราคาสูงกว่าหินแท้

2.ปูน หรือคอนกรีต

ปูน หรือคอนกรีตเหมาะกับงานครัวหนัก เนื่องจากมีความแข็งแรงมาก สามารถขึ้นรูปได้หลากหลาย ทนความร้อนได้ดี ส่วนข้อเสียคือซึมน้ำ และเก็บความชื้น

3.หินแกรนิต

หินแกรนิตเหมาะกับงานครัวหนัก โดยมีข้อดีคือทนต่อสภาพอากาศต่าง ๆ แต่ก็ดูดซับน้ำค่อนข้างมาก ดังนั้นควรต้องทำให้เคาน์เตอร์ครัวมีความแห้งอยู่เสมอ

4.หินอ่อน

หินอ่อนเหมาะกับงานครัวหนัก เพราะสามารถทนน้ำและความร้อนได้ดี แต่สามารถเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย

5.กระเบี้อง

กระเบี้องเป็นวัสดุไม่ค่อยนิยมมาทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวมากนัก เพราะถึงแม้จะทนความร้อนได้ดี ซึมน้ำต่ำ แต่ก็สามารถแตกหัก หรือหลุดร่อนได้เมื่อมีการใช้งานหนัก เช่น โขลก สับ ตำ

6.ลามิเนต

ลามิเนตเหมาะกับงานครัวเบา เพราะไม่ทนความร้อน และเกิดรอยขีดข่วนง่าย มีราคาถูก

7.ไม้เทียม หรือไม้สังเคราะห์

ไม้สังเคราะห์ เช่น พีวีซี พาร์ทิเคิลบอร์ด หรือเมลามีน สามารถทนความร้อนได้ดี แต่ไม่ค่อยแข็งแรงทนทาน ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับงานครัวหนักและครัวที่ชื้นมาก เพราะสามารถเกิดเชื้อราและไม้ข้างในผุได้

8.ไม้

ส่วนใหญ่ครัวไม้ไม่ค่อยมีการใช้มากนัก เพราะถึงแม้ว่าไม้จะมีความแข็งแรงพอประมาณ แต่สามารถเกิดการบวม ผุ หรือขึ้นราได้หากโดนน้ำหรืออยู่ในสภาพชื้น

ข้อดี-ข้อเสีย ของวัสดุเคาน์เตอร์ครัว มีอะไรบ้าง ?

  1. หินเทียม หรือหินสังเคราะห์
    ข้อดี สามารถทนกรด-ด่าง สารเคมี ความร้อน และไม่ดูดซึมน้ำ
    ข้อเสีย มีราคาสูงกว่าหินแท้
  2. ปูนหรือคอนกรีต
    ข้อดี มีความแข็งแรงมาก ทนต่อความร้อนได้ดี
    ข้อเสีย ดูดซึมน้ำได้ง่ายและเก็บความชื้น
  3. หินแกรนิต
    ข้อดี สวย แข็งแรงมาก ทนได้ทุกสภาพอากาศ
    ข้อเสีย มีการดูดซึมน้ำค่อนข้างมาก
  4. หินอ่อน
    ข้อดี ทนต่อน้ำและความร้อน
    ข้อเสีย เกิดรอยขีดข่วนง่าย
  5. กระเบื้อง
    ข้อดี ทนต่อความร้อนได้ น้ำซึมได้ยาก
    ข้อเสีย สามารถเกิดการแตกหักหรือหลุดร่อนได้หากใช้งานหนัก
  6. ลามิเนต
    ข้อดี ราคาถูก
    ข้อเสีย ไม่ทนต่อความร้อนและเกิดรอยขีดข่วนง่าย
  7. ไม้เทียม หรือไม้สังเคราะห์
    ข้อดี ทนต่อความร้อนได้
    ข้อเสีย ไม่ค่อยแข็งแรง
  8. ไม้
    ข้อดี แข็งแรงพอประมาณ
    ข้อเสีย ไม่ทนต่อความชื้น

เคาน์เตอร์ครัวมีขนาดเท่าไหร่บ้าง ?

ก่อนจะเลือกซื้อเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูป ควรมีการวัดขนาดพื้นที่ครัวก่อนเพื่อความเหมาะสมกับการใช้สอย โดยเคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปทั่วไปมีขนาด ดังนี้
เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปตัว I ขนาด 1.50 x 3.00 เมตร
เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปตัว L ขนาด 2.50 x 3.00 เมตร
เคาน์เตอร์ครัวสำเร็จรูปตัว U ขนาด 3.00 x 3.00 เมตร

เรื่องควรรู้ก่อนเลือกท็อปเคาน์เตอร์ครัว มีอะไรบ้าง ?

1.พื้นที่ห้องครัว

เรื่องแรกที่ควรรู้ก่อนเลือกท็อปเคาน์เตอร์ครัว คือขนาดและลักษณะของพื้นที่ห้องครัวของบ้านเพื่อที่จะได้รู้ว่าเคาน์เตอร์ครัวที่จะนำมาวางต้องมีความกว้าง ความยาว และความสูงเท่าไหร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ด้วยเหตุนี้จึงต้องรู้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องครัวเพื่อที่จะได้ใช้งานสะดวกและใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

2.รูปแบบการจัดวางเคาน์เตอร์ครัว

สำหรับการจัดวางพื้นที่ใช้สอยและรูปแบบการวางเคาน์เตอร์ครัวภายในบ้านควรคำนึงถึงหลักการจัดวางเป็นสามเหลี่ยม (Kitchen Work Triangle) โดย 3 ส่วนหลักควรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและระยะที่เหมาะสมเพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ซึ่งสามารถแบ่งแยกการจัดห้องครัวได้ 4 แบบ ดังต่อไปนี้

  1. การจัดแบบตัวไอ (Straight Kitchen )
    เหมาะกับครัวที่มีพื้นที่น้อย โดยเคาน์เตอร์ครัวจะติดกับผนังด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ 3 ส่วน จะเรียงเป็นแถวเดียวกัน
  2. การจัดแบบรูปตัวแอล ( L-shaped Kitchen )
    เหมาะสำหรับครัวที่มีพื้นที่ปานกลาง และเป็นบ้านโล่งไม่มีการกั้นแบ่งห้อง โดยรูปแบบนี้สามารถทำให้ภายในครัวมีพื้นที่เดินสัญจรไปมาได้ ไม่รบกวนระหว่างเดิน เพราะรูปแบบนี้มีการวางพื้นที่ผนังครัว 2 ด้านเชื่อมกับพื้นที่เคาน์เตอร์ครัวให้มีลักษณะเป็นรูปตัว L ต่อกันทั้งด้านซ้ายและขวานั่นเอง
  3. การจัดแบบรูปตัวยู ( U – shaped Kitchen )
    เหมาะสำหรับห้องครัวขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งานครัวบ่อยและมีจำนวนคนในบ้านหลายคนที่จะใช้ครัวร่วมกัน โดยรูปแบบนี้จะวางเคาน์เตอร์ตามผนัง ทั้ง 3 ด้านของห้องให้มีลักษณะเป็นรูปตัวยู
  4. การจัดแบบรูปแบบเกาะกลางหรือไอส์แลนด์ ( Island Kitchen )
    เหมาะสำหรับครัวที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ กว้าง และห้องโล่ง โดยรูปแบบนี้จะวางเคาน์เตอร์อยู่ตรงกลางครัวและต้องเข้าคู่กับเคาน์เตอร์ครัวอื่น ๆ ที่อยู่ริมผนัง

สรุป

เคาน์เตอร์ครัวควรใช้วัสดุแบบไหน

เคาน์เตอร์ครัวควรใช้วัสดุแบบไหน
Kitchen product backdrop, interior background image(freepik)
การจะเลือกเคาน์เตอร์ครัวให้เหมาะกับห้องครัวในบ้านของคุณควรต้องคำนึงถึงในเรื่องของพื้นที่และการใช้สอยเป็นหลักเพื่อที่คุณจะใช้เคาน์เตอร์ครัวได้อย่างสะดวก อีกทั้งเรื่องของวัสดุเคาน์เตอร์ครัวก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน เพราะหากใช้วัสดุเคาน์เตอร์ครัวที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานก็อาจเกิดปัญหาได้

Related Posts

Leave a Comment

Scroll to Top