เรียนรู้การลงทุนในปี 2025? แนะนำตัวเลือกที่มือใหม่ไม่ควรพลาด
การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องของคนมีเงินก้อนโตอีกต่อไป แต่กลายเป็นโอกาสที่ใครก็เข้าถึงได้ ไม่ว่าคุณจะเริ่มจากศูนย์หรือมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว วันนี้เรามีตัวเลือกลงทุนที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสายมั่นคงระยะยาวหรือสายลุยหวังผลเร็ว หรือคนที่กำลังสงสัยว่ามือใหม่ควรลงทุนอะไรดี ไม่ต้องกลัว! เพราะเราจะพาคุณไปรู้จักช่องทางน่าสนใจ เช่น กองทุนรวม หุ้น ETF อสังหาฯ และคริปโตฯ พร้อมแนะแนวทางเลือกอย่างเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเริ่มต้นสร้างอนาคตทางการเงินได้อย่างมั่นใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

ประโยชน์ของการลงทุน มีอะไรบ้าง
การลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและสร้างรายได้ระยะยาว เมื่อเทียบกับการเก็บออมเงินไว้เฉย ๆ เงินทุนจะงอกเงยได้มากขึ้น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ ทำให้เงินงอกเงยได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท จะช่วยลดความเสี่ยงได้และเป็นการวางรากฐานทางการเงินที่แข็งแรง เพื่อการเกษียณในอนาคต แต่นักลงทุนควรเลือกลงทุนตามเป้าหมายและระยะเวลาที่เหมาะสม โดยประโยชน์ของการลงทุน จะมีดังนี้
1.สร้างความมั่งคั่ง (Wealth Building)
การลงทุนช่วยให้เงินทุนเติบโตเร็วขึ้นกว่าการเก็บเงินในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ยิ่งลงทุนในธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่มีกำไรเติบโตต่อเนื่อง เงินทุนก็จะเพิ่มพูนได้มากกว่าอย่างชัดเจน เช่น หากลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจแข็งแกร่งและเติบโตดี จะได้รับเงินปันผลและมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างมาก
2.ปกป้องจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge)
เงินเฟ้อ คือ การสูญเสียอำนาจซื้อของเงิน เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าของเงินจะลดลง ทำให้เมื่อคุณเก็บออมเงินไว้เฉย ๆ จะไม่เพียงพอต่อการรักษามูลค่าจริงของเงิน ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหนืออัตราเงินเฟ้อจึงสำคัญ นักลงทุนจึงต้องวางกลยุทธ์โดยเลือกสินทรัพย์ที่สามารถชนะเงินเฟ้อได้ จากสถิติในอดีตลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยสามารถสร้างผลตอบแทนราว 5–10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 3% ของไทยอย่างสบาย เช่น หุ้นปันผลที่ดีจะให้ผลตอบแทนรวมในระยะยาวเหนือกว่าอัตราเงินเฟ้อ
3.วางแผนเกษียณ (Retirement Planning)
การลงทุนช่วยสร้างกระแสรายได้ให้กับวัยเกษียณ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายเมื่อเลิกทำงาน การวางแผนทางการเงินที่ดี จะทำให้นักลงทุนมีสภาพคล่องและผลตอบแทนเพียงพอต่อการใช้ชีวิตในบั้นปลาย เช่น เมื่อลงทุนในกองทุนบำเหน็จบำนาญ (RMF) หรือกองทุนรวม SSF จะช่วยออมเงินระยะยาวให้เติบโต พร้อมทั้งได้ประโยชน์ทางภาษีและช่วยเตรียมความพร้อมทางการเงินสำหรับวัยเกษียณอีกด้วย

แนวโน้มลงทุนอะไรดี ในปี 2025 เจาะลึกเทรนด์ใหม่ แบบไหนมาแรงที่สุด
ปี 2025 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังเปลี่ยนแปลงตลอด และมีปัจจัยต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น นโยบายการค้าและลงทุนของประเทศเศรษฐกิจใหญ่ ดอกเบี้ย และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงควรเน้นกระจายการลงทุนไปยังกลุ่มสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูง เราจึงจะขอแนะนำแนวโน้มหลัก ๆ 4 กลุ่ม คือ หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, คริปโตเคอร์เรนซี และกองทุนรวม โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.หุ้น
ตลาดหุ้นเป็นช่องทางลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงในระยะยาว และปี 2025 มีหลายกลุ่มหุ้นน่าจับตามอง ดังนี้
- หุ้นเทคโนโลยี ภาคธุรกิจเทคโนโลยี (เช่น ปัญญาประดิษฐ์ AI คลาวด์คอมพิวติ้ง Data Center) ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว การรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta และ Microsoft ปรากฏว่าผลกำไรดีกว่าคาดจากธุรกิจคลาวด์และ AI ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีบวกไปด้วย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทค (Nasdaq-100) มีแนวโน้มยังเดินหน้าขึ้นแรง เพราะแรงหนุนจากความต้องการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต
- หุ้นพลังงานสะอาด (Clean Energy) กระแสเปลี่ยนผ่านพลังงานทั่วโลก มาใช้พลังงานสะอาดยังคงเข้มข้น ธนาคารโลกและรายงานต่าง ๆ ชี้ว่า ปี 2025 ถือเป็นโอกาสทองของหุ้นพลังงานสะอาดที่กำลังเติบโตทั่วโลก ตัวอย่างหุ้นที่น่าสนใจ เช่น บริษัทพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) รายใหญ่ของสหรัฐฯ และยุโรป อย่าง NextEra Energy, Brookfield Renewable และผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเติบโตยั่งยืน จะมองกลุ่มนี้เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายรัฐ และความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น
- หุ้นปันผล (Dividend Stocks) หุ้นที่มีพื้นฐานมั่นคงและจ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) และลดความผันผวนในพอร์ต โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค ธนาคาร หรือที่ดินจัดสรรที่มีรายได้คงที่ มักเป็นหุ้นปันผลเด่น การสำรวจพบว่าการลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลกำไรและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ จะเพิ่มความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างมาก
นอกจากนี้ การจ่ายปันผลช่วยรักษาอำนาจซื้อ เมื่อนำมาคิดเป็นอัตราผลตอบแทนรวมหลายปี หุ้นปันผลไทยและต่างประเทศหลายแห่งสามารถชนะอัตราเงินเฟ้อได้อย่างมีนัยสำคัญ

2.อสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นทางเลือกที่นิยม สำหรับผู้ต้องการรายได้ประจำและมั่นคง ปี 2025 นี้มีแนวโน้มสำคัญ คือ
- อสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์และโรงแรม (Commercial & Hospitality) ตลาดโรงแรมและพื้นที่อุตสาหกรรม (คลังสินค้า-โลจิสติกส์) มีแนวโน้มเติบโตดี คาดว่าแนวโน้มของตลาดโรงแรมและตลาดพื้นที่อุตสาหกรรม เป็นไปในทิศทางที่ดีมาก ยิ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ ตลาดโรงแรมจึงน่าสนใจ นักลงทุนต่างชาติยังคงสนใจซื้อโรงแรมในไทย ในขณะที่พื้นที่อุตสาหกรรมรับผลดีจากการขยายตัวของค้าปลีกออนไลน์และการกระจาย Supply Chain ของต่างชาติ ในส่วนตลาดเชิงพาณิชย์ (อาคารสำนักงาน ห้องเช่า) แม้มีการแข่งขันสูง แต่ธุรกรรมการเช่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพฯ และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่
- อสังหาฯ ที่อยู่อาศัย (Residential) ตลาดที่อยู่อาศัยในหลายเมือง มีซัพพลายล้นกว่าความต้องการจริง ทำให้อุปทานส่วนเกินสูง มีการประเมินว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2025 จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอุปทานส่วนเกินยังสูง แต่อุปสงค์จากผู้ซื้อในประเทศจะทยอยกลับมาทีละน้อย นักลงทุนที่ชาญฉลาดอาจโฟกัสในโครงการที่มีแนวรถไฟฟ้าหรือทำเลทอง รวมถึงการพัฒนาใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ (บ้านขนาดเล็ก อพาร์ตเมนต์คนรุ่นใหม่) จะน่าสนใจมากขึ้น
- กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และที่ดิน สำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่ต้องการถืออสังหาฯ ตรง ๆ กอง REITs เป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะนำรายได้ค่าเช่ามาแบ่งปันให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีหลายกองทุนลงทุนในอาคารสำนักงาน โรงแรม และโกดังสินค้าของไทย อีกทางเลือกคือการลงทุนในที่ดินเปล่าสำหรับเก็งกำไรหรือปลูกสร้างระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยง

3.คริปโตเคอร์เรนซี
สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ปี 2025 จมีแนวโน้มที่น่าสนใจมากขึ้น คือ
- Bitcoin และ Ethereum ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้น จากการยอมรับของสถาบันการเงิน ในช่วงต้นปี 2025 บิทคอยน์ทะยานสูงกว่า 104,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ Ethereum กลับขึ้นเหนือระดับ 2,600 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าบิทคอยน์อาจทะลุ 250,000 ดอลลาร์ในปีนี้ อันเป็นผลจากการเข้ามาของเงินลงทุนสถาบันที่มากขึ้นและความผันผวนที่ลดลง เช่น บริษัท Coinbase ถูกบรรจุเข้า S&P500 แสดงถึงการยอมรับคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินกระแสหลัก และการลงทุนของบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Galaxy Digital, eToro ที่เข้าตลาดหุ้นเท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าคริปโตมีมูลค่าตามการเติบโตทางธุรกิจเช่นกัน
- Altcoins และโทเคนใหม่ ๆ ไม่ใช่แค่บิทคอยน์-อีเธอร์เท่านั้น ปีนี้มีความสนใจใหม่ (New Money) ไหลเข้าสู่เหรียญอื่นด้วย จากการที่ Ethereum เคลื่อนไหวนำหน้าและปรับตัวแข็งแกร่ง ส่งผลให้เหรียญอื่น ๆ หรือโทเคนขนาดเล็ก ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนใหม่ ๆ และโทเคนที่เน้นกรณีใช้งานใหม่ เช่น โทเคนเกมหรือโทเคนของโครงการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ กำลังถูกจับตามอง แต่ตลาดคริปโตก็ยังคงมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรศึกษาความเสี่ยงให้รอบคอบเสมอ

4.กองทุนรวม
กองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น โดยในปี 2025 จะได้เห็นแนวโน้มสำคัญ ดังนี้
- กองทุนรวมแบบ Active คือ กองทุนที่มีผู้จัดการคอยคัดเลือกหลักทรัพย์ เพื่อหวังสร้างผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนีตลาดทุนทั่วไป แม้ในบางช่วงปี ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุน จะสูงกว่ากองทุนแบบ Passive แต่ข้อมูลระบุว่า ใน 5 ปีหลัง รวมถึงปี 2025 ปัจจุบัน กองทุน Active ชนะกองทุน Passive เฉพาะ 2 ปีเท่านั้น (ปี 2022 และ 2023) แสดงว่าในหลายปี กองทุน Active ให้ผลตอบแทนไม่ต่างจากหรือด้อยกว่า Passive ก็มาก การเลือกกองทุน Active จึงต้องดูประวัติผู้จัดการกองทุนและแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างรัดกุม
- กองทุนรวมแบบ Passive (กองทุนดัชนีหรือ ETF) กองทุนเหล่านี้เลียนแบบดัชนีตลาด ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า Active มาก โดยกองทุน Passive ในไทยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยราว 0.71% เทียบกับกองทุน Active ที่เฉลี่ย 1.13% นอกจากนี้ กองทุน Passive มักมี ความผันผวนน้อยกว่า Active เพราะเป็นดัชนีตลาดโดยรวม เมื่อรวมค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง กองทุน Passive จึงเหมาะกับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับตลาดโดยไม่ต้องติดตามมาก แต่นักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนเฉพาะจังหวะ ก็ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายที่อาจสูงกว่าไว้ด้วย

แนวโน้มการลงทุนปี 2025 หุ้น กองทุน คริปโต หรืออสังหา ตัวไหนกำลังมา?
สำหรับ 2025 แนวโน้มการลงทุนที่น่าสนใจรวมถึงกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี ที่รับแรงหนุนจาก AI และคลาวด์, หุ้นพลังงานสะอาด ที่ได้รับเทรนด์โลก, และหุ้นปันผล เพื่อกระแสเงินสดเสริม, ด้านอสังหาริมทรัพย์ ควรติดตามอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ โรงแรม และที่อยู่อาศัยที่มีอุปทานล้น, ขณะที่กองทุน REITs ช่วยให้นักลงทุนได้กระแสรายได้ง่ายขึ้น ในตลาดคริปโตฯ บิทคอยน์-อีเธอร์ยังเป็นจุดเด่น พร้อมทั้งเกิดกระแสสนใจโทเคนใหม่ ๆ สุดท้าย กองทุนรวมทั้งแบบ Active และ Passive ช่วยให้นักลงทุนมีทางเลือกในการบริหารพอร์ต เช่น กองทุน Passive ค่าธรรมเนียมต่ำเหมาะกับผู้ถือยาว แต่สิ่งสำคัญคือการกระจายลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท ตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้พอร์ตของคุณมีความสมดุลและรับมือกับความผันผวนได้ในระยะยาว