สูตรลับ เงินเดือนเริ่มต้น เก็บเงินแบบเข้มข้นได้ยังไง?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘เงินเดือนแค่นี้ จะไปเก็บอะไรได้’ หรือ ‘ขอใช้ชีวิตให้คุ้มก่อน เก็บเงินไว้ทีหลัง’ ซึ่งความคิดเหล่านี้แหละที่กลายเป็น “กับดัก” อันตรายที่คอยฉุดรั้งเพื่อน ๆ ไว้ เพราะเมื่อเพื่อน ๆ ใช้จ่ายจนหมด เงินที่ควรจะนำไปต่อยอดอนาคตก็หายวับไปกับตา ลองคิดดูว่าถ้าวันนี้เราเริ่มเก็บเงินแค่เดือนละไม่กี่พันบาท พอผ่านไป 5-10 ปี เงินก้อนนั้นจะเติบโตขึ้นขนาดไหน

ในบทความนี้เลยจะชวนทุกคนมาสร้างนิสัย เก็บเงินออมในช่วงเริ่มต้นกัน 

Pay Yourself First: หลักการออมเงินที่เปลี่ยนชีวิต หลักการนี้เรียบง่าย แต่ทรงพลังมากๆ นั่นคือ ‘จ่ายให้ตัวเองก่อน’ หรือ Pay Yourself First ฟังดูแปลกๆ ใช่ไหม? ปกติแล้วเราจะใช้เงินไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งค่าเช่า, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าเดินทาง หรือ ค่าอาหาร แล้วค่อยเหลือเท่าไหร่ค่อยเก็บ แต่หลักการนี้ให้คุณทำตรงกันข้ามเลย

ทันทีที่เงินเดือนเข้าบัญชี ให้เพื่อน ๆ โอนเงินส่วนหนึ่งไปเก็บในบัญชีสำหรับออมเงินหรือลงทุนทันที อย่าเพิ่งรอให้ได้ใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บ เพราะเชื่อเถอะว่าส่วนใหญ่แล้ว จะไม่มีเหลือให้เก็บแน่นอน จำนวนเงินที่ควรจะเก็บในขั้นต้นอาจจะเริ่มต้นที่ 10-15% ของรายได้ แต่ถ้าเรายังไม่พร้อมจริง ๆ ก็อาจจะเริ่มจาก 5% ก่อนก็ได้ ลองตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง แล้วค่อยเพิ่มจำนวนขึ้น ที่สำคัญคือต้องทำอย่างสม่ำเสมอในทุกเดือน

ข้อดีของหลักการ Pay Yourself First คืออะไร?

  • สร้างวินัย: เป็นการบังคับให้เราสร้างวินัยทางการเงินโดยอัตโนมัติ
  • เห็นผลเร็ว: ทำให้เห็นยอดเงินออมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ไม่เจ็บปวด: ทำให้การใช้จ่ายสอดคล้องกับเงินที่เหลืออยู่จริง

Budgeting by Slices: แบ่งบัญชีให้ชีวิตง่ายขึ้น

เมื่อเรามีเงินก้อนแรกที่เก็บไว้แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการบริหารจัดการเงินที่เหลืออยู่ให้มีประสิทธิภาพ หลักการ Budgeting by Slices คือการแบ่งเงินออกเป็น ส่วน หรือ บัญชี ต่างๆ ให้ชัดเจน เหมือนกับแบ่งขนมเค้กออกเป็นชิ้นๆ เพื่อให้รู้ว่าเงินแต่ละส่วนจะถูกนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถติดตามและควบคุมรายจ่ายได้อย่างเป็นระบบ

  • ตัวอย่างการแบ่งบัญชีที่ทำตามได้จริง
  • บัญชีที่ 1: รายรับ-รายจ่ายประจำวัน: สำหรับเงินเดือนที่เข้าบัญชี ควรแบ่งส่วนหนึ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของใช้ส่วนตัว
  • บัญชีที่ 2: เงินเก็บและลงทุน: เป็นบัญชีที่เราจะต้องโอนเงินจากบัญชีแรกเข้ามาทันทีที่เงินเดือนออก บัญชีนี้ควรแยกออกจากบัญชีอื่นๆ อย่างชัดเจน และไม่ควรนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่าย
  • บัญชีที่ 3: เป้าหมายระยะกลาง: สำหรับเงินที่เพื่อน ๆ ตั้งใจจะเก็บเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เช่น เงินดาวน์รถ หรือเงินสำหรับท่องเที่ยว
  • บัญชีที่ 4: เงินสำรองฉุกเฉิน: เงินก้อนนี้สำคัญมาก! ควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน หรือเจ็บป่วย
  • บัญชีที่ 5: เงินสำหรับความสุข: เพื่อให้การเก็บเงินไม่น่าเบื่อและตึงจนเกินไป ควรมีเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับรางวัลชีวิต เช่น ช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง หรือทานอาหารดีๆ กับเพื่อน

การแบ่งบัญชีแบบนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ เห็นภาพรวมของสถานะการเงินได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รู้ว่าเงินส่วนไหนควรใช้ ส่วนไหนควรเก็บ และที่สำคัญคือป้องกันไม่ให้เผลอนำเงินที่เก็บไว้ไปใช้จ่ายอย่างไม่จำเป็น

Budgeting & Grow Your Savings: ควบคุมรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เมื่อเราจัดระบบการเงินได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำให้เงินเก็บของเรางอกเงยขึ้นไปอีก การควบคุมรายจ่ายและการเพิ่มรายได้คือสองสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น

ควบคุมรายจ่าย

  • ทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย: การทำบันทึกจะทำให้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองได้อย่างชัดเจน ลองจดทุกบาททุกสตางค์ที่ใช้ไปในแต่ละวัน แล้วคุณจะเห็นว่าเงินส่วนใหญ่หมดไปกับอะไรบ้าง
  • ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น: ลองทบทวนรายจ่ายในแต่ละเดือน แล้วตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่าสมัครสมาชิกแอปพลิเคชันที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือค่ากาแฟแก้วแพง ๆ ที่ซื้อทุกวัน
  • เปรียบเทียบราคา: ก่อนซื้อของชิ้นใหญ่ ลองเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ ร้านค้า หรือรอช่วงโปรโมชั่น

เพิ่มรายได้

  • มองหาอาชีพเสริม: การมีรายได้ทางเดียวอาจจะไม่เพียงพอในยุคนี้ ลองมองหาโอกาสในการทำงานพิเศษในช่วงวันหยุด หรือหารายได้จากความสามารถพิเศษที่มี เช่น การรับฟรีแลนซ์ การขายของออนไลน์ หรือการสอนพิเศษ
  • ลงทุนในตัวเอง: ความรู้คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ลองหาคอร์สเรียนออนไลน์ หรืออ่านหนังสือที่ช่วยพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่ตลาดต้องการ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง
  • การลงทุน: เมื่อมีเงินเก็บสำรองเพียงพอแล้ว ลองศึกษาเรื่องการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่จะช่วยให้เงินงอกเงยขึ้นตามกาลเวลา (แต่ต้องทำความเข้าใจความเสี่ยงก่อนลงทุนด้วยนะ)

 

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top