Culture Thonglor ชีวิตติดทำเล ระดับ 5 ดาว ใจกลาง Mid-Sukhumvit

สวัสดีคนเมืองทุกคนนะครับ ใครที่กำลังรออยู่ พี่กอล์ฟกลับมาตามสัญญาแล้วครับ หลังจากไม่กี่วันก่อน ทุกคนน่าจะได้อ่านบทความที่พี่พาไปทัวร์ Culture Chula คอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากอนันดาไปแล้ว วันนี้ก็มาถึงอีกหนึ่งโครงการที่ฮอตฮิตไม่แพ้กัน

ใช่ครับ ตอนนี้พี่กอล์ฟอยู่ที่ “Culture Thonglor” อีกหนึ่งโครงการที่หลายๆ คนตั้งตารอ และอยากให้พี่พามาดูมากที่สุด พร้อมแล้วก็ตามไปดูกันเลยครับ

ก่อนอื่นเลย ตามธรรมเนียม สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ Culture ทุกคนสามารถย้อนกลับไปอ่านที่พี่เคยสรุปเอาไว้ให้ในบทความก่อนหน้านี้ได้ ที่นี่ครับ

หรือใครที่ชอบฟังเป็นแบบ Podcast เพลินๆ ระหว่างเดินทาง ก็สามารถเข้าไปรับชมในรูปแบบวีดีโอได้เลยครับ THIS IS CULTURE : คอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุด กับประสบการณ์การอยู่อาศัยใหม่เพื่อคนเมืองอย่างแท้จริง

ต้องบอกเลยครับว่า โดยส่วนตัวพี่กอล์ฟอินกับย่านทองหล่อเป็นอย่างมาก เพราะใช้ชีวิตอยู่แถวนี้แทบจะ 24 ชั่วโมงของทุกวัน จริงๆ ตั้งแต่ตื่นมาออกไปซื้อกาแฟตอนเช้า ประชุมกับทีมงานแบบ Work fron Anywhere พบปะนัดคุยกับทีม Agency & Partner ต่อด้วยดินเนอร์ตอนเย็น หรือแม้แต่วันไหนอยากพักผ่อนเฉยๆ ก็มีคาเฟ่ ร้านอาหาร ฟิตเนส และคอมมูนิตี้ต่างๆ ให้ใช้ชีวิตได้แบบครบในระยะเดินถึง

ถ้าพูดถึงไลฟ์สไตล์คนเมือง ที่อยากได้ทั้งความสะดวก ความสนุก และความมีชีวิตชีวา ทองหล่อคือย่านที่พี่กอล์ฟอยู่แล้วรู้สึกว่า “ใช่ที่สุด” เลยครับ Vibe แบบนี้ เรียกว่าเป็น Dream Location ของหลายๆคนเลย

และอนันดาเองก็มีความเชี่ยวชาญในทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือสายสุขุมวิทเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆ ที่อยู่ใกล้สถานี BTS บนเส้นสุขุมวิท ไล่มาตั้งแต่โครงการแรกๆ ของอนันดา อย่าง Ashton สุขุมวิท 38 , Ideo Morph 38 , Ashton Residence 41, Ideo Q สุขุมวิท 36, Ideo Mobi สุขุมวิท 40, Ideo สุขุมวิท – พระราม 4, Ideo Mobi สุขุมวิท ( สุขุมวิท 81 ) จนมาถึงโครงการล่าสุดอย่าง Culture Thonglor
ที่ตั้งอยู่ในซอย สุขุมวิท 59

5-Star Location รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

หลายๆ คนรู้อยู่แล้วว่า “ทองหล่อ” เป็นทำเลศักยภาพ อันดับต้นๆ แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯเลย ด้วยความที่เป็น Mid ของ Mid-Sukhumvit อีกที จึงรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ 5 ดาว มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับโลก หรือ Sercvice Apartment ชื่อดังต่างๆ

อย่างโปรเจคที่ติดกับเราเลยก็คือ The Ascott Thonglor Bangkok หรือหน้าซอยสุขุมวิท 59 ก็มีโรงแรม InterContinental Bangkok Sukhumvit ถัดไปอีกนิดก็มี Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit หรือซอยข้างๆ ก็จะเป็นโรงแรม The Okura Prestige Bangkok จะเห็นได้ว่า Culture Thonglor เป็นคอนโดที่รายล้อมไปด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว หลายแห่งเลยครับ

Wolrd Class Shopping Destination ของนักช้อปจากทั่วโลก

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีครับว่า ย่านทองหล่อ Mid-Sukhumvit ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่รวม World Class Destination เอาไว้แบบครบทุกด้านจริงๆ เพียงแค่ 1 Station จากสถานีทองหล่อ ก็จะเจอกับ Mega project อย่าง…
The Em District ที่ประกอบด้วย 3 ห้างดัง The Emporium, The EmQuartier และ The Emsphere ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Shopping Hub ใจกลางเมืองที่รวมเอาร้านแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไว้ครบเกือบทุกประเภท ทั้งแฟชั่น ลักชัวรี Gadget และสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ และอีกหลายแบรนด์ที่มาเปิด Shop แบบ Official Store เต็มรูปแบบ

ด้านอาหารก็ปังไม่แพ้กันครับ เพราะโซนนี้ถือเป็นหนึ่งในย่านรวมร้านอร่อยจากทั่วโลก ทั้งเชนร้านดังอย่าง Shake Shack เบอร์เกอร์ระดับตำนานจากนิวยอร์ก หรือ Bread Street Kitchen ของเชฟชื่อดัง Gordon Ramsay รวมถึงร้านอาหารอีกหลากหลายแนวที่อัปเดตกันแทบทุกสัปดาห์ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของสายกินที่มีอะไรใหม่ๆ ให้ลองอยู่ตลอด

สำหรับ สายแต่งบ้าน แต่งคอนโด บอกเลยว่าทำเลนี้ตอบโจทย์ไม่แพ้กันครับ เพราะอยู่ใกล้กับ IKEA ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านดีไซน์สวย ราคาดี และมีให้เลือกครบตั้งแต่ของชิ้นเล็กไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชุดใหญ่ เรียกได้ว่าอยากอัปเกรดห้องแบบไหน เดินเข้ามาที่นี่ที่เดียวคือได้ครบทุกอย่าง

ถ้าอยากช้อปเพิ่มอีกสักนิด แค่ขยับออกไปอีกไม่กี่สถานีก็จะเจอห้างใหญ่ใจกลางเมืองอย่าง Terminal 21 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์เดินช้อปเหมือนท่องเที่ยวไปหลายเมืองในโลก รวมทั้งศูนย์รวมของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่ง ของใช้จุกจิก และร้านอาหารแบบจัดเต็ม เป็นอีกจุดที่ช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนอยู่คอนโดได้ดีมากๆ ครับ

ศูนย์กลางด้านสุขภาพ ใจกลางกทม.

ด้านสาธารณสุขของย่านทองหล่อ ก็ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเช่นกัน เพราะในเขตนี้ มีโรงพยาบาลชั้นนำชื่อดังมากมาย เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงพยาบาลคามิลเลียน และโรงพยาบาลกรุงเทพ รวมถึงร้าน

สปาต่างๆ ที่คอยให้บริการทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นอีก 1 ไฮไลท์ เป็น Health & Wellness Destination ที่ติดอันดับท็อปของโลกเลยครับ

Education Hub ในย่านใจกลางเมือง

ทองหล่อ Mid-Sukhumvit ยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งใน Education Hub สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะรายล้อมด้วยโรงเรียนและสถาบันการศึกษาชั้นนำแบบครบทุกระดับ ตั้งแต่โรงเรียนอินเตอร์ชื่อดัง เช่น โรงเรียนนานาชาติ บางกอกเพรพ, โรงเรียนนานาชาติ เอกมัย (EIS), โรงเรียนนานาชาติเวลส์ เป็นต้น

หรือเพียง 2 Station จากทองหล่อ ก็ยังใกล้กับมหาวิทยาลัยระดับประเทศอย่าง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ไปจนถึงสถาบันติวเตอร์และคลาสเสริมทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา ดนตรี ศิลปะ หรือแม้กระทั่งคลาสสำหรับเด็กเล็ก

ย่านนี้จึงกลายเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัว คนรุ่นใหม่ และผู้ปกครองที่มองหาความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงคุณภาพการศึกษาในมาตรฐานระดับสากล

ความอร่อยที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์ต่างๆ ขอบอกว่าหายห่วงครับ เพราะย่านทองหล่อเนี่ย เหมือนทำเลที่ไม่เคยหลับใหล สามารถใช้ชีวิตได้แบบ All Day All Night เลยครับ เพราะมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน จะกิน ดื่ม เที่ยว ชิล ออกกำลังกาย ทองหล่อก็ตอบโจทย์ได้หมดครับ

ยกตัวอย่างเรื่องกินครับ แถวทองหล่อนี่มีครบเลยครับตั้งแต่สตรีทฟู๊ด ไปจนถึงร้านมิชลิน Fine Dining เลยครับ แถมยังมีครบแทบจะทุกสัญชาติ ไทย จีน ญี่ปุ่น ตะวันตก เลือกได้ตามใจต้องการเลย

หรือจะเป็นทางของพี่ อย่างร้านก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ที่ทั้งเป็นร้านลับ และร้านดัง พี่กอล์ฟก็ตระเวนไปชิมจนทั่วหมดแล้ว อย่างร้าน “แซว” เนี่ย เรียกได้ว่าเป็นร้านในตำนานครับ อร่อย คุณภาพดี และที่สำคัญ เมนูซิกเนเจอร์อย่าง ซุปหมูสับ นี่เด็ดมากๆ ครับ อยากให้มาลอง

หรือจะร้าน “วัฒนาพานิช” นี่ก็ตำนานอีกร้านนึง ร้านนี้เค้าเด็ดเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ทั้งเนื้อเปื่อย เนื้อสด เค้าใช้แต่ของดีๆ จริงๆ ครับ แนะนำให้ลองข้าวหน้าไก่อีกสักเมนูครับ บอกเลยว่าอร่อยจริงๆ

อีก 2 ร้านที่พี่ขอแนะนำ คือ “บ๊วยโภชนา” ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่มีเมนูฮิตคือขาเป็ดอบหม้อดิน และร้าน “อรุณวรรณ” ที่ต้องสั่งหมูกรอบและเซี่ยงจี๊ กินกับข้าวเหนียวจิ้มซีอิ๊วดำ รับรองว่ามีเบิ้ลแน่นอนครับ

บอกเลยว่าย่านทองหล่อ Mid-Sukhumvit นี้ อาหารเค้าอร่อยแทบทุกร้านเลยครับ ลองไปตามรอยกันได้ พี่กอล์ฟทำลายแทงความอร่อยไว้ให้แล้ว

9 ร้านก๋วยเตี๋ยวใจกลางสุขุมวิท

ส่วนสายดื่ม สายชิล จะกาแฟ มัทฉะ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ก็สบายครับ เพราะย่านทองหล่อนี้ ทั้งคาเฟ่ บาร์ เรียกได้ว่ามีแทบทุกซอย แถมยังมีร้านใหม่ๆ เปิดขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ บอกเลยว่าดื่มได้ไม่มีเบื่อ

และด้วยความเป็นทองหล่อแบบที่ทุกคนคุ้นเคย ย่านที่ครบครันในทุกด้านจริงๆ จนหลายคนมักเรียกกันเล่นๆ ว่าเป็นเหมือน “Fifth Avenue ของกรุงเทพฯ ก็ไม่เกินจริงครับ

เพราะถ้าเทียบกับ Fifth Avenue ในนิวยอร์กที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา ไลฟ์สไตล์พรีเมียม และเป็นศูนย์รวมของแบรนด์ระดับโลก ทองหล่อเองก็ให้ฟีลแบบนั้นไม่ต่างกันเลย ทั้งคาเฟ่ดีไซน์สวยแบบคัดสรร ร้านอาหารระดับอินเตอร์ บาร์ดีๆ สำหรับสายไนท์ไลฟ์ ไปจนถึงคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีทุกอย่างครบในที่เดียว รวมถึงบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยผู้คนจากหลากหลายประเทศ ทำให้ย่านนี้มีความอินเตอร์และมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

เรียกได้ว่า ทองหล่อคือย่านที่รวม Premium Lifestyle แบบเดียวกับ Fifth Avenue และถ้าใครได้มาอยู่ในโซนนี้จริงๆ จะรู้เลยครับว่าการใช้ชีวิตประจำวันมันง่ายขึ้น สนุกขึ้น และตอบโจทย์ทุก Vibe ไม่ว่าจะเป็นวันทำงานลุยๆ วันชิลล์ หรือวันที่อยากเติมแรงบันดาลใจ ก็หาได้ครบในรัศมีไม่กี่นาทีครับ

ตามพี่กอล์ฟไปชม Culture Thonglor แบบ Exclusive พร้อมๆ กัน

พร้อมแล้วก็ตามมาเลยครับ วันนี้เราเดินทางมาด้วย BTS ลงสถานีทองหล่อ แล้วเดินมาอีกนิดหน่อยแค่ 250 เมตร* เท่านั้นเองครับ

เดินเข้ามาในโครงการก็จะพบกับเคาเตอร์ Reception ที่จะมีทีมงาน Concierge จาก The Ascott Limited ประจำอยู่ครับ ซึ่งลูกบ้านต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถมาติดต่อทีมงานได้เลยครับ

Lobby ที่เป็นมากกว่า…กับพื้นที่ Community ของคนคัลเจอร์

ล็อบบี้ 2 ชั้น ที่มีสเปซและฟังก์ชันให้ผู้พักอาศัยสามารถรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมต่างๆได้ เพราะที่ Culture Thonglor เรามี Partner ที่จะมาร่วมสร้าง Activity ในแต่ละเดือน เพื่อสร้าง Culture ใหม่ๆ ให้ Vibe ของการอยู่อาศัยที่นี่ สนุกสนานขึ้นครับ

ตามไปดู Facilities บนชั้น 2

นอกจาก Hall ตรงชั้น 1 แล้ว ถ้าเราเดินขึ้นบันไดไปที่ช้้น 2 ก็จะเจอพื้นที่ส่วนกลางสำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะครับ ซึ่งแบ่งโซนเอาไว้เป็นอย่างดี

โดยชั้น 2 นี้ จะเป็นบริเวณของ Co-Working Space ครับ เป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานได้ชิลๆ หรือความเป็นส่วนตัว ก็สามารถเข้าไปใช้บริการห้องประชุมได้เช่นกัน ซึ่งฟังก์ชันนี้พี่กอล์ฟชอบมาก ทางโครงการทำคล้ายๆกับห้อง
LIVE STUDIO สำหรับลูกบ้านคนไหนที่เป็น Content Creator หรือเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ก็สามารถใช้ห้องนี้ในการ LIVE สดได้ เพื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการไลฟ์ภายในห้องอย่างเดียวครับ

ซึ่งตรงนี้ก็มีบริการบาร์เครื่องดื่ม เครื่องทำกาแฟ พร้อมจุดกดน้ำดื่มแบบครบครัน เพื่อให้ทุกคนได้นั่งทำงานได้แบบยาวๆ โดยไม่ต้องลุกไปไหนเลยครับ

สระว่ายน้ำ ชั้น 11 ไฮไลท์อีก 1 จุด ของ Culture Thonglor

ขึ้นลิฟต์ไปกันต่อที่ชั้น 11 ชั้นนี้จะเป็นโซนของสระว่ายน้ำ ซึ่งของ Culture Thonglor ออกแบบสระว่ายน้ำให้เป็นเหมือนสระ 2 ชั้น ขนาด 25 เมตร Half Olympic Size จะว่ายน้ำออกกำลังกายก็ได้ หรือ ถ่ายรูปสวยๆ ก็ฮิปไม่แพ้กันเลยครับ รวมถึงมีอ่างจากุซซ๊่ให้ได้แช่ชิลๆ ด้วยหล่ะครับ

ถัดมาเป็นโซนของสายฟิต

ถ้าคุณชอบออกกำลังกาย พี่กอล์ฟพูดได้เลยว่าต้องชอบฟิตเนสของที่นี่แน่ๆ ครับ เพราะ Culture Thonglor จัดมาให้แบบเต็มๆ อุปกรณ์ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นลู่วิ่ง, จักรยาน หรืออุปกรณ์สำหรับ Weight Training ต่างๆ เรียกได้ว่าไม่ต้องไปสมัครสมาชิกฟิตเนสที่อื่นเลยครับ

Facilities ยังไม่หมดแค่นี้ ไปกันต่อที่ชั้น 33 – 34

ต้องบอกว่าส่วนกลาง 2 ชั้นนี้ เป็นเหมือน Colaboration Hub ที่สามารถอยู่ได้สบายๆ ทั้งวันเลยครับ เพราะมีหลายโซนให้เลือกใช้เลย ไม่ว่าจะเป็น โซนนั่งทำงานชิลๆ โซนพักผ่อนพร้อมเก้าอี้นวดสบายๆ ที่พี่แอบไปลองใช้บริการมาแล้ว หรือสาย Content Creator นอกจาก Lobby แล้ว ชั้นนี้ก็มี Live Studio ให้ได้ใช้กันแบบเต็มที่ แถมอุปกรณ์ที่โครงการเตรียมไว้ก็จัดเต็มจริงๆครับ

มุมไฮไลต์ของส่วนนี้เลยคือบันไดวนครับ สามารถเดินขึ้นไปชมวิวสวยๆ บนชั้น 34 ได้ เป็นมุมถ่ายรูปอีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครเหมือนแน่นอน และที่สำคัญเลยคือบริเวณนี้ Culture Thonglor ก็จัดเตรียมจุดบริการเติมน้ำดื่มเอาไว้ให้ เพื่อเป็นการลดการใช้ขวดพลาสติก ตามคอนเซ็ปต์ Sustainable Living ครับ

สุด Exclusive ห้อง Hybrid 2 Type ยอดนิยม พี่กอล์ฟจะพาไปชมก่อนใคร

เริ่มที่ห้องแรกกันครับ 1 Bedroom Hybrid ขนาด 32.5 ตารางเมตร (พื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 45 ตร.ม.) ห้องนี้บอกเลยว่าฮอตสุดๆ ส่วนตัวพี่คิดว่าเลย์เอาท์ของห้องออกแบบมาได้อย่างดีมากๆ แบ่งโซนการใช้งานห้องได้อย่างชัดเจน อย่างส่วนแรกที่เป็นครัว ก็ทำเป็นครัวปิดกั้นประตูไว้มิดชิด เหมาะสำหรับสายชอบทำอาหารเป็นที่สุคดรับ

ถัดมาเป็นโซนนั่งเล่นแบบ Double Volume เพดานสูง 4.3 เมตร* ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง พร้อมทั้งกระจกบานใหญ่ริมหน้าต่าง ที่ช่วยเสริมความรู้สึกสบายๆ ให้การอยู่อาศัยอีกด้วย

ด้านในสุดของห้องจะเป็นประตูเชื่อมต่อไปยังระเบียงครับ สามารถเปิดออกไปเพื่อรับอากาศดีๆ ในช่วงนี้ได้ และยังมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่ง ที่สามารถวางเป็นโต๊ะทำงานได้อย่างลงตัว ทำงานไป ชมวิวเมืองไปด้วย ก็ช่วยให้การคิดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้นครับ

ส่วนบริเวณชั้น 2 ก็จะเป็นส่วนของห้องนอนครับ ซึ่งก็เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่สามารถวางเตียง 6 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ได้อย่างสบายๆ เลยครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับ ห้อง 1 Bedroom Hybrid ที่พี่พามาดูวันนี้ ฟังก์ชั่นแบบครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานได้ครบรอบด้านแเลยหล่ะครับ แต่ Culture Thonglor ยังมีห้องอีก Type ที่ขายดีไม่แพ้กันเลยครับ ไปดูกันเลย

Studio Hybrid ห้องสวย ฟังก์ชั่นครบ ที่ฮอตฮิต และได้รับการตอบรับดีมาก

ห้องแบบ Studio Hybrid ขนาด 27.5 ตารางเมตร (พื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 38 ตร.ม.) ที่เพดานสูงเหมือนกัน ฟังก์ชั่นห้องก็คล้ายๆ กันครับ มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน แบ่งโซนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ครบๆ แบบนี้เลยทำให้ Type นี้เป็นห้องที่ได้รับความนิยมมากๆ อีกห้องนึงครับ

จุใจกันมั้ยครับ กับ Culture Thonglor ที่พี่กอล์ฟพามาชมในวันนี้ ห้องสวย ทำเลดีแบบนี้ อยากให้ทุกคนได้มาลองเยี่ยมชม และจับจองเป็นเจ้าของกันจริงๆ ครับ นี่พี่ก็คิดอยู่ว่าจะจองไว้สักห้องดีมั้ย

บริการระดับ 5 ดาวจาก The Ascott Limited เพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Culture Thonglor แตกต่าง คือ “มาตรฐานการดูแลระดับโรงแรม” ครับ ด้วยทีม Concierge จาก The Ascott Limited ที่ให้บริการทั้ง Standard และ On-Demand Services

ตั้งแต่รับพัสดุจนถึงบริการซักรีดและทำความสะอาด ไม่ว่าภารกิจในแต่ละวันจะเยอะแค่ไหน…ก็จะมีทีมผู้ช่วยที่คอยดูแลอยู่เสมอ นี่คือรูปแบบการอยู่อาศัยที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้การช้ชีวิตสะดวกและสบายกว่าเดิมทุกวันครับ

และนอกจากทำเลดี ฟังก์ชั่นโดนใจแล้ว ลูกบ้าน Culture Thonglor ก็ยังมั่นใจได้ในทุกๆ การอยู่อาศัย ด้วยมาตรฐาน Ananda Sure

Culture ทั้ง 2 โครงการ ต่างคาแรกเตอร์ แต่มาตรฐานเดียวกัน

เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ Culture Thonglor ที่พี่กอล์ฟพาทัวร์กันแบบทุกซอกทุกมุมกันในวันนี้ เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจ Culture แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำเล จุฬาฯ หรือ ทองหล่อ พี่กอล์ฟก็อยากชวนย้อนกลับไปอ่านบทความของ Culture Chula กันอีกรอบนะครับ เพราะทั้งสองโครงการถึงจะอยู่คนละย่าน แต่มีดีเอ็นเอของแบรนด์เดียวกันที่เน้นการออกแบบเพื่อชีวิตคนเมืองแบบ Culture Living ที่ครบทั้งฟังก์ชัน ทำเล และไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์จริงๆ ครับ
https://www.ananda.co.th/blog/thegenc/culture-chula-freehold-condo 

แต่สำหรับใครที่จองห้อง Culture Thonglor เอาไว้ พี่กอล์ฟก็อยากให้รีบมาโอนเป็นเจ้าของนะครับเพราะตอนนี้กระแสแรงจริงๆ รับรองว่าโครงการไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ สามารถแวะเข้ามาชมโครงการได้ในวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน 2568 นี้นะครับ

ใครที่สนใจสามารถลงทะเบียนนัดหมายเยี่ยมชม พร้อมรับสิทธิพิเศษก่อนใคร ได้ที่ https://www.ananda.co.th/th/condominium/culture-thonglor เลยครับ

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top