ในยุคที่สัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นแค่สัตว์อีกต่อไป แต่กลายเป็น “สมาชิกในครอบครัว” หนึ่งในมาตรการสำคัญที่กำลังถูกพูดถึงในหมู่ คนรักสัตว์ ก็คือ การ ฝังไมโครชิปสัตว์ เพื่อใช้ในการระบุตัวตน และเป็นส่วนหนึ่งของการ จดทะเบียนสัตว์เลี้ยง อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในเขต กทม. ที่เริ่มมีการผลักดันนโยบายนี้อย่างจริงจัง เพื่อควบคุมประชากรสัตว์เลี้ยง และป้องกันปัญหาการทอดทิ้งหรือสัตว์หาย
หลายคนอาจสงสัยว่าการฝังชิปคืออะไร? อันตรายหรือไม่? ต้องเตรียมอะไรบ้าง? บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมด เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนก่อนดำเนินการ
ไมโครชิป เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ฝังใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยง โดยมีรหัสเฉพาะที่สามารถสแกนได้ ช่วยในการระบุตัวตนของสัตว์เลี้ยงหากสูญหายหรือถูกขโมย
ผลลัพธ์ที่ดี:
- การระบุตัวตน: ช่วยให้สามารถระบุเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้อย่างชัดเจน
- ป้องกันการสูญหาย: หากสัตว์เลี้ยงหลงทาง สามารถสแกนไมโครชิปเพื่อหาข้อมูลเจ้าของ
- การเดินทาง: จำเป็นสำหรับการนำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปต่างประเทศ
ผลข้างเคียง:
- การติดเชื้อ: หากไม่ดูแลแผลหลังการฝังไมโครชิปอย่างเหมาะสม
- การเคลื่อนที่ของชิป: ในบางกรณี ไมโครชิปอาจเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่ฝัง
ขั้นตอนการฝังไมโครชิป:
- เตรียมเอกสาร: บัตรประชาชนของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
- นำสัตว์เลี้ยงไปยังคลินิก: ที่ให้บริการฝังไมโครชิป
- การฝังไมโครชิป: โดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ลงทะเบียน: ข้อมูลของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของจะถูกบันทึกในฐานข้อมูล
ค่าใช้จ่าย:
- ฟรี: ที่คลินิกสัตวแพทย์ของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 8 แห่ง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://webportal.bangkok.go.th/petinfo/index?cover=1
- ประมาณ 1,000 บาท: หากใช้บริการที่คลินิกเอกชน