ยูนิคอร์น ในโลกแห่งการเริ่มต้นธุรกิจ (Startup) หมายถึงบริษัทเอกชนที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเป็นในรูปแอปฯ แพลตฟอร์มหรือเทคโนโลยีนวัตกรรมก็ตาม จุดประสงค์หลักคือการ ‘scale’ อย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบระดับโลก เช่น Airbnb, Uber หรือ SpaceX ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ตัวเลขมูลค่าบริษัทสะท้อนการเติบโตในการระดมทุน และการคาดการณ์ว่าระบบธุรกิจจะสร้างกำไรในระดับมหาศาล
สรุปแบบเข้าใจง่าย ถ้าอยากทำให้ ‘ธุรกิจ’ เป็นยูนิคอร์น สิ่งสำคัญคือการผสาน 3 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
- เทคโนโลยีหรือโมเดลธุรกิจใหม่ – มีนวัตกรรมที่แตกต่าง
- ขนาดตลาดที่ใหญ่ – มีโอกาสตีตลาดระดับประเทศหรือโลก
- ทีมผู้ก่อตั้งที่แข็งแกร่ง – มีวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างราบรื่น
การจะก้าวขึ้นมาเป็น ยูนิคอร์น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีปัจจัยทางธุรกิจชัดเจน
- ขนาดของตลาด (Total Addressable Market, TAM): ธุรกิจต้องเจาะตลาดใหญ่พอ เช่น แพลตฟอร์มทำ Delivery หรือ E‑commerce ที่คนทั่วโลกใช้งานได้ จำนวนผู้ใช้ยิ่งเยอะ ยิ่งมีโอกาสเติบโตมาก
- เทคโนโลยี / นวัตกรรม: หากพัฒนาเทคโนโลยีที่เหนือกว่าคู่แข่ง หรือใช้ดาต้า AI เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ธุรกิจจะมีความแตกต่างในสายตานักลงทุน
- โมเดลสร้างรายได้ที่ชัดเจน: ต้องมีโมเดลธุรกิจที่ Scale ได้ เช่น การขายโฆษณา Subscriptions หรือ Commission จากสินค้าบนแพลตฟอร์ม
- การระดมทุน (Fundraising): ยูนิคอร์นล้วนผ่านการระดมทุนหลายรอบ และต้องได้การรับรองจากนักลงทุนระดับโลก ตอนมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป มักเรียกว่า ‘Decacorn’ แล้วก้าวไปจนถึง 1,000 ล้าน
- ทีมผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร: ทีมที่มีประสบการณ์ ผสมผสานการบริหาร การเงิน และเทคโนโลยี จะดึงดูดนักลงทุน และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคง
- การขยายธุรกิจแบบรวดเร็ว: ยูนิคอร์นต้อง ‘เติบโตเร็ว’ ทั้งขยายผู้ใช้ พนักงาน ตลาด และโมเดลการสร้างรายได้
ไทยมีเพียงไม่กี่ ยูนิคอร์น (Unicorn) เมื่อเทียบกับประเทศจีน, อเมริกา หรือ อินเดีย ปัจจัยที่ทำให้มีไม่มาก มีดังนี้:
- ตลาดในประเทศเล็ก ประชากรไทยประมาณ 70 ล้านคน ขนาดตลาด Domestic เองจึงจำกัด โอกาสจะ Scale ไปตลาดโลกคือต้องมีแผน global ตั้งแต่เริ่มต้น
- ความพร้อมของระบบนิเวศ (Ecosystem) ไทยยังขาด Venture Capital ขนาดใหญ่ ที่จะช่วย Scale ธุรกิจสู่ระดับยูนิคอร์น ต่างจากสหรัฐฯ หรือจีนที่ Ecosystem ครบทั้ง Venture Capital เร่งเร็ว และโค้ชเชิงธุรกิจ
- กฎระเบียบและข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น ธุรกิจด้านการเงิน (FinTech) ยังมีข้อจำกัดด้านใบอนุญาต หรือกฎหมาย ทำให้การเติบโตและการระดมทุนชะลอลง
- การบริหารจัดการองค์กรยังขาดความต่อเนื่อง Startups ไทยหลายแห่งเติบโตดีในช่วงแรก แต่พอถึงช่วงกลางมักสะดุด ขาดบุคลากรระดับ C‑Level หรือ COE (Chief Officer Experienced) ที่พร้อมขยายตลาด
- การขาดนวัตกรรมเฉพาะทาง ไทยยังไม่ค่อยมีนวัตกรรม Blue‑Ocean หรือ Disruptive Tech ที่สร้างโอกาสใหม่ในระดับนานาชาติเท่าไรนัก
สำหรับประเทศไทย โอกาสในการมีจำนวน ‘ยูนิคอร์น’ เพิ่มขึ้นถือว่ามีโอกาสแน่นอน แต่อาจต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำ
- อย่างแรกคือไม่ควรจำกัดตัวเองแค่ตลาดในไทย ถ้าอยากเติบโตเร็ว ต้องมองตลาดในอาเซียนหรือระดับโลกตั้งแต่เริ่มต้น เพราะตลาดใหญ่กว่าจะช่วยให้ธุรกิจขยายได้ง่ายขึ้น
- ต่อมาคือทีมต้องแข็งแรง ทั้งเรื่องเทคโนโลยี, การเงิน และการวางแผน ต้องพร้อมลุยจริง และไม่หยุดพัฒนา
- เรื่องเงินทุนก็สำคัญ อย่ารอแค่เงินจากนักลงทุนไทย ลองมองหา Venture Capital จากต่างประเทศที่อยากลงทุนในภูมิภาคนี้ จะช่วยให้ธุรกิจไปได้ไกลกว่าเดิม
และถ้ารัฐกับเอกชนช่วยกันมากขึ้น เช่น ทำกฎหมายที่ยืดหยุ่น หรือสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ก็จะยิ่งผลักดันให้ ‘ยูนิคอร์น’ จากไทยเกิดขึ้นได้จริง
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ไกลตัว ถ้าเริ่มคิดใหญ่และวางแผนให้ดีตั้งแต่วันนี้