ในวันที่โลกหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมืองใหญ่ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป ความต้องการก็ซับซ้อนขึ้น และบทบาทของ “ที่อยู่อาศัย” เองก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะสำหรับคนเมืองยุคนี้ การมี “ที่อยู่” เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอแล้วนะครับ
สิ่งที่หลายคนมองหา ไม่ใช่แค่ห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่คือ “ประสบการณ์การอยู่อาศัย” ที่ทำให้รู้สึกว่า ทุกด้านของชีวิตได้รับการดูแลอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ความสะดวกสบายในทุกวัน การเดินทางที่เชื่อมต่อได้ง่าย การมีพื้นที่ให้พักใจ ไปจนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบจับต้องได้
และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน การที่มีพื้นที่ให้พูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน มีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้งานได้จริง หรือบริการที่ช่วยให้การใช้ชีวิตไหลลื่นขึ้นโดยไม่ต้องคิดเยอะ
วันนี้ “คอนโด” จึงไม่ใช่เพียงที่พักผ่อน แต่กลายเป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ เป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสใหม่ๆ เป็นพื้นที่ให้เราดูแลตัวเอง และสร้างความสัมพันธ์ใหม่ได้พร้อมกันในที่เดียว

และอนันดาก็เชื่อมาตลอดว่า “พื้นที่ ที่ดี” ต้องให้ได้มากกว่าการพักผ่อน เราจึงออกแบบทุกตารางเมตรให้เป็นมากกว่าห้องสวยๆ แต่คือพื้นที่ที่เชื่อมผู้คนเข้าหากัน สร้างบทสนทนาใหม่ๆ และต่อยอดเป็นชุมชนที่มีความหมาย
และนี่แหละครับ สิ่งที่แบรนด์ Culture ตั้งใจจะสร้างขึ้น ไม่ใช่แค่ที่อยู่ แต่คือพื้นที่ที่คุณได้เป็นตัวเอง พบผู้คนที่คิดคล้ายกัน และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน

สวัสดีครับทุกคน วันนี้พี่กอล์ฟอยากจะมาเล่าความเป็นไปเป็นมาเกี่ยวกับคอนโดแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากอนันดา ให้อ่านกันเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ “Culture” กันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ แต่บางคนอาจจะยังสงสัยว่าแบรนด์นี้แตกต่างจากคอนโดแบรนด์อื่นๆ ของอนันดายังไง ทำไมเราถึงเลือกสร้างแบรนด์ใหม่นี้ขึ้นมา วันนี้จะพามาทำความรู้จักกันครับ

พี่ขอพาทุกคนย้อนอดีตกันสักหน่อย หลายๆ คนอาจจำได้ว่าเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน เรามีจัดงานเปิดตัวแบรนด์ Culture กันเป็นครั้งแรกที่สยามพารากอน พร้อมๆ ไปกับการเปิด Pre-Sale ให้จองกันในรูปแบบ Online Booking ซึ่งในวันนั้นก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และโครงการก็ Sold Out ภายในไม่กี่นาที ทั้ง 2 ทำเล ไม่ว่าจะเป็น คัลเจอร์ ทองหล่อ หรือ ว่า คัลเจอร์ จุฬา เรียกได้ว่าเป็น 2 โครงการใหม่ในช่วงเวลานั้นที่ได้รับความสนใจจากคนเมืองกันแบบสุดๆ


และล่าสุด Culture ทั้ง 2 ทำเล ก็เพิ่งสร้างชื่อให้กับแบรนด์แบบสดๆ ร้อนๆ
ด้วยการคว้ารางวัลจากเวที Livinginsider Awards 2025 มาครองทั้งคู่
- Culture Thonglor : Best Investment Award
การันตีศักยภาพทำเลย่านทองหล่อ ว่าคือหนึ่งในย่านที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนได้อย่างยอดเยี่ยม - Culture Chula : Best Location Award
ตอกย้ำจุดแข็งของทำเลใจกลางจุฬาฯ ที่รายล้อมด้วยแหล่งเรียนรู้ แหล่งงาน และไลฟ์สไตล์ที่ครบทุกมิติจริงๆ
ถือเป็นการเปิดตัวที่สวยงามมากสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่าง Culture ที่แม้จะเพิ่งเดบิวต์ได้ไม่นาน แต่ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน การออกแบบที่เข้าใจคนเมือง และดีเทลที่คิดมาครบ ทำให้แบรนด์นี้ ไฮป์แรงไม่แพ้รุ่นพี่ของอนันดาเลยจริงๆ

ทำไมต้องสร้างแบรนด์ใหม่ ?
หลายคนคงสงสัยว่า…ถ้าอนันดาจะสร้างคอนโดใหม่ ทำไมอนันดาไม่ใช้แบรนด์เดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะ Unio, Elio, Ideo, Ideo Mobi, Ideo Q รวมถึง Ashton ไปเลย เพราะจริงๆ ก็ครบทุก Segment อยู่แล้ว แถมการสร้างแบรนด์ใหม่ ยังต้องลงทุนอีกมากทั้งในด้านงบประมาณและเวลาด้วย

คำตอบง่ายๆ เลยคือแบรนด์ Culture มีความพิเศษที่ต่างออกไป ซึ่งเหตุผลหลักๆ นั้นมีอยู่ 2 ข้อครับ
คือหนึ่ง ตอนนั้นเราต้องการ เติมความสดใหม่ให้กับผู้คน เป็นการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังช่วงหลังโควิด ให้ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
และสองคือ Culture เกิดจากการ ผสมส่วนประกอบใหม่ๆ ที่ได้จากการทำ Workshop ร่วมกันของทีมงาน เพื่อมองหา Core Value หรือค่านิยมองค์กร ถามหา Moonshot หรือเป้าหมายระยะยาว ต่างๆ
ทำให้เราเจอ Keyword ดีๆ มากมาย อย่าง Good Attitude, Like-Minded People, Caring, Sharing, Community และนำมาต่อยอดความคิด จนสุดท้าย ได้มาเป็น Codename ว่า Culture และเราก็ใช้มาเป็นชื่อแบรนด์จนถึงทุกวันนี้

อีกทั้งเรายังร่วมมือกับพันธมิตรระดับแถวหน้าของวงการ ทั้ง AB Rogers Design, ATOM Design, Landscape Tectonix และ d+s Interior Design เพื่อยกระดับการอยู่อาศัยในแบบที่คนเมืองไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แต่ละทีมล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตัวเอง ตั้งแต่ครีเอทีฟดีไซน์ระดับนานาชาติ งานออกแบบพื้นที่ภายในที่เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ ไปจนถึงภูมิสถาปัตย์ที่เติมชีวิตให้พื้นที่กลางเมือง เพื่อสร้าง Living Experience ที่ครบกว่า ลึกกว่า และมีชั้นเชิงกว่าเดิม
เพราะสำหรับเรา การออกแบบที่ดีไม่ได้เกิดจากทีมเดียว แต่เกิดจากความร่วมมือของมืออาชีพหลายด้าน ที่ตั้งใจสร้างพื้นที่ซึ่งตอบโจทย์คนเมืองอย่างแท้จริงครับ

อ่านกันมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คนไหนที่อยากเปลี่ยนฟีล ลองมาฟังพี่กอล์ฟเล่าเรื่องราวของ Culture ในรูปแบบ Podcast ก็ได้นะครับ พี่มีทำเป็นคลิปวีดีโอเอาไว้ ลองเข้าไปฟังกันได้ที่นี่เลยครับ
พี่อยากให้ทุกคนลองนึกว่า Culture เหมือน “เมนูอาหารจานพิเศษ” ที่เราใช้เวลาเลือกสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ทุกอย่างถูกออกแบบและปรุงแต่งอย่างตั้งใจ ตั้งแต่กลิ่นแรกที่สัมผัส ไปจนถึงรสชาติสุดท้ายที่ยังติดอยู่ในความทรงจำ
และในเมนูจานนี้ มี “ส่วนผสมหลัก” อยู่ 4 อย่างที่ทำให้ Culture ไม่เหมือนคอนโดทั่วไป แต่เป็นประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ครบในจานเดียว นั่นก็คือ Urban Living, Serviced Living, Community Living และ Sustainable Living นั่นเองครับ

หนึ่งเลย คือสิ่งที่อนันดาเราถนัดที่สุด เปรียบเสมือน DNA ของเราเลย นั่นก็คือ Urban Living การใช้ชีวิตในย่านที่เต็มไปด้วยพลังของเมือง เดินทางไปไหนก็สะดวก ใกล้แหล่งเรียน แหล่งงาน และไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย บนทำเลศักยภาพ ซึ่งทั้งสองโครงการของ Culture ก็ตั้งอยู่บนทำเลที่เรียกว่า 5 Star Location อย่างทองหล่อ ที่มีความเป็นเมืองสูงมาก ใกล้ทั้งแหล่งแฮงก์เอาท์ ห้างสรรพสินค้า The Emdistrict ร้านอาหารต่างๆ



และ จุฬาฯ ที่ใกล้ทั้งรถไฟฟ้า เป็นเหมือน Education Hub ที่มีทั้งมหาวิทยาลัย และโรงเรียนมากมายทุกระดับชั้น รวมถึงแหล่งคอมมูนิตี้ ไลฟ์สไตล์ ของวัยรุ่น หรือจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดอย่าง Dusit Central Park ที่ตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการเลยครับ


อย่างที่สอง เกิดจากข้อมูลเชิงลึกที่เรา Research มาอย่างจริงจัง และเป็น “กุญแจสำคัญ” ที่ทำให้ Culture แตกต่างจากคอนโดแบรนด์อื่นๆ ของอนันดาอย่างชัดเจน นั่นก็คือ เรื่องของ Services ครับ
เราเห็นว่าคนเมืองทุกวันนี้ไม่ได้ต้องการแค่ที่อยู่อาศัยที่สวยหรือทำเลดี แต่ต้องการ “ผู้ช่วยด้านไลฟ์สไตล์” ที่ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น ใช้เวลาได้คุ้มค่าขึ้น และลดเรื่องจุกจิกที่ต้องจัดการเองในทุกวันให้ได้มากที่สุด
ด้วย Insight นี้ เราจึงมองหาพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจการบริการจากมุมของ “คุณภาพชีวิต” ไม่ใช่แค่ความสะดวกชั่วคราว และคำตอบก็คือ The Ascott Limited ผู้เชี่ยวชาญด้าน Hospitality ระดับโลกที่บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์มาแล้วทั่วโลก และเข้าใจมาตรฐานการดูแลคนเมืองในแบบที่ลึกกว่าแค่บริการหน้าฟรอนต์

เราจึงเชิญ Ascott เข้ามาช่วยดูแล Services ทั้งหมดใน Culture ตั้งแต่
- Standard Services บริการทั่วไปที่ช่วยให้ทุกวันของคุณลื่นไหล เช่น บริการจองพื้นที่ส่วนกลาง, บริการรับพัสดุแทน หรือช่วยประสานงานช่างอาคาร เป็นต้น
- ไปจนถึง On-Demand Services ที่คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เช่น บริการซักรีด, บริการทำความสะอาด และอื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจเดียวคือให้คนเมือง “ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่” โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับรายละเอียดที่ไม่จำเป็น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Culture ไม่ได้เป็นเพียงคอนโดที่ออกแบบสวย แต่เป็นโครงการที่ “ยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย” ด้วยระบบบริการแบบมืออาชีพในทุกรายละเอียดครับ



เรื่องที่สาม ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ Community Living ครับ อย่างเวลาเราอยู่คอนโด เราอาจจะต้องการความ Privacy อยู่กันแบบส่วนตัวไม่สุงสิงกับใคร แต่ที่ Culture เราต้องการให้มันเป็นวัฒนธรรมใหม่ ที่ทุกคนสามารถลงมาจอย มาทำกิจกรรมร่วมกันกับกลุ่มคนที่มี แนวคิด มี Good Attitude และสนใจในเรื่องที่เหมือนๆ กัน
ในพื้นที่ส่วนกลางที่เราออกแบบไว้รองรับ โดยที่จุฬาฯ อาจจะเป็นคอมมูนิตี้ที่มีกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์การเรียนของนิสิตนักศึกษา และในส่วนของทองหล่อก็จะเป็นกิจกรรมที่ ไฮป์แบบคนเมือง ที่มี Vibe แบบทองหล่อ Urban Lifestyle อยู่ด้วย


ข้อสุดท้าย ด้วยโลกเราที่เปลี่ยนไปในทุกๆ วัน การจะคิดทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็ต้องคิดถึงสิ่งแวดล้อมด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่อนันดา พยายามใส่ความเป็น Sustainable Living เข้าไปอยู่ใน Culture ด้วย
ผ่าน Element เล็กๆ น้อยๆ ทั่วทั้งโครงการ เช่นวัสดุต่างๆ ที่เราใช้ ชิ้นไหนที่สามารถลดภาระให้สิ่งแวดล้อม มีความเป็น Eco-friendly ได้ เราก็เลือกมาใช้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ อย่าง หลอดไฟประหยัดพลังงาน สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ จุดเติมน้ำดื่มเพื่อลดขวดพลาสติก มุมแยกขยะ ก็เป็นสิ่งที่อนันดานำมาใช้กับ Culture ทั้ง 2 โครงการครับ

จุดแยกขยะตามประเภท
จุดเติมน้ำดื่ม
เท่านั้นยังไม่พอครับ Culture ยังได้มีโอกาสร่วม Collaboration กับหลายแบรนด์ชื่อดัง เป็นแบรนด์ที่มี “จุดยืนด้านสิ่งแวดล้อม” และดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด Sustainable ใกล้เคียงกับเราอย่างแท้จริง
เพราะเรามองว่าการอยู่อาศัยที่ดี ไม่ควรหยุดอยู่ที่ดีไซน์หรือบริการ แต่ต้องสะท้อน วิธีคิดและพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อโลก ด้วย นี่คือเหตุผลที่ทุกแบรนด์ที่เข้ามา Collaboration กับ Culture ล้วนถูกคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณค่าที่ส่งต่อไปถึงผู้อยู่อาศัยนั้น “สอดคล้องกับแนวคิด Live Culture อย่างยั่งยืนจริงๆ”
ด้วยความร่วมมือจากแบรนด์เหล่านี้ เราจึงสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของการอยู่อาศัย ที่ทั้งสนุก ได้แรงบันดาลใจ และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ทุกคนมีบทบาทเล็กๆ ในการดูแลโลกไปพร้อมกัน ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดของเสียที่ไม่จำเป็น ไปจนถึงโครงการที่กระตุ้นพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบ Sustainable มากขึ้นในทุกวัน
ทั้งหมดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์เดียวกันของเรา คือการสร้างการอยู่อาศัยที่ไม่ได้ดีแค่วันนี้ แต่ดีต่ออนาคตของเมืองและโลกใบนี้ด้วยครับ

แบรนด์แรกที่พี่อยากจะแนะนำเลยก็คือ PDM ได้มาร่วมคิดไอเดียใหม่ๆ ในโปรเจค Box to Bag ในการเปลี่ยน Transfer Box หรือกล่องโอน ที่ลูกค้าทุกคนจะได้รับช่วงโอนกรรรมสิทธิ์ ให้เป็น Transfer Bags กระเป๋าที่ใช้วัสดุจากการรีไซเคิลในการผลิต มีดีไซน์สวยงาม ตอบโจทย์คนเมืองที่สามารถนำกลับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ครบลูปความ Sustainable ทั้ง Recycle และ Reuse เลยครับ


พี่กอล์ฟก็ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคุณดิว ดุลยพล Founder ผู้สร้างแบรนด์ PDM ถึงเบื้องหลังของโปรเจกต์นี้ ว่ามีแนวคิดและความรู้สึกอย่างไรในการ Collaboration กันในครั้งนี้ด้วยครับ

ซึ่งทุกคนสามารถรับชมเป็นวีดีโอได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
@ananda_development 🤝 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 𝘅 PDM BRAND 🩷🧡 . วันนี้พี่กอล์ฟ (CMO) พามาดูที่มาที่ไปของ Transfer bag รูปแบบใหม่ที่ 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 จับมือกับ 𝗣𝗗𝗠 แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Sustainability ซึ่งตรงกับ concept ของ 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 และพิเศษสุดๆ . พร้อมพูดคุยแบบ Exclusive กับ คุณดิว ดุลยพล (MD & Co-Founder) 𝗣𝗗𝗠 ถึงแนวคิดและคอนเซ็ปต์ในการผลิต Transfer Bag เซ็ทนี้ที่ทำมาเฉพาะ สำหรับลูกบ้านของ 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 ทั้ง 2 โครงการ 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 Thonglor และ 𝗖𝗨𝗟𝗧𝗨𝗥𝗘 Chula จะน่าสนใจแค่ไหนและเป็นยังไงไปดูกันครับ 🥳 #AnandaDevelopment #UrbanLivingSolutions #Ananda #อนันดา #Culture #CultureThonglor #CultureChula #CulturexPDM
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ Culture ได้มีโอกาสทำงานด้วยคือ Moreloop ครับ โดยปกติแล้วเวลาที่อนันดามีโครงการใหม่ๆ เราก็จะมีเสื้อทีมให้กับพนักงานประจำโครงการนั้นๆ และนี่คือที่มาของการร่วมมือกันระหว่าง Culture และ Moreloop ที่เรานำ “ผ้าเหงา” หรือผ้า Dead Stock มา Upcycle ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งการนำมาผ้าเหงามาผลิตเป็นเสื้อทีม Culture 1 ตัว สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4.24 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าเป็นการขับรถยนต์ในระยะทางถึง 36 กิโลเมตรเลยทีเดียวครับ


ซึ่งพี่กอล์ฟได้ไปเยี่ยมชมถึงโรงงานผลิตของ Moreloop เลย และได้พูดคุยกับ Co-Founder คุณ แอ๋ม ธมลวรรณ ถึงที่มาที่ไปของโปรเจกต์นี้

อยากให้ทุกลองไปรับชมในรูปแบบวีดีโอกันดูครับ ได้เข้าใจขั้นตอนในการทำเสื้อผ้า ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเยอะเลยครับ ลิงค์ด้านล่างนี้เลย
@ananda_development วันนี้พี่กอล์ฟ CMO พามาทำความรู้จักกับ “ผ้าเหงา” แบบ 🎉 Exclusive ถึงโรงงานผลิต . “Culture Team Shirt” เสื้อทีม Culture ที่ได้พาร์ทเนอร์อย่าง moreloop แบรนด์เสื้อผ้าไทยที่เน้นการให้คุณค่ากับวัสดุเหลือใช้ จากอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่นำผ้าเหงาหรือผ้า Deadstock มา Upcycle ใช้เป็นเสื้อให้กับทีมงาน เพื่อลดการผลิตผ้าใหม่ . จะเป็นยังไง กระบวนการต่างๆ สามารถช่วยโลกเราได้ยังไงบ้าง ไปดูกันครับ 😃 #AnandaDevelopment #UrbanLivingSolutions #Ananda #อนันดา #Culture #CultureThonglor #CultureChula #CulturexMoreloop #EcoSustain #moreloop
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่เราให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการพัฒนาโครงการก็คือ “สี” ครับ เพราะสีไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้พื้นที่ดูสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร สุขภาพของผู้อยู่อาศัย รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวด้วย
Culture จึงเลือกใช้ สีนวัตกรรมคุณภาพสูงจาก Nippon Paint ในทุกพื้นที่ของโครงการ ไม่ใช่เพียงเพราะมาตรฐานระดับสากลของวัสดุ แต่เพราะสีประเภทนี้ ผ่านการรับรอง Carbon Footprint of Product อย่างถูกต้อง ซึ่งหมายความว่า สีที่ใช้ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยลดภาระต่อโลกได้จริงครับ

“Embassy” ครีเอทีฟเอเจนซี่ระดับแถวหน้า คืออีกแบรนด์ที่เราได้ทำงานด้วยครับ โดยทีมนี้จะอยู่เบื้องหลังงานออกแบบ (Project Concept) มากมายที่ทั้งสร้างสรรค์ แตกต่าง และเต็มไปด้วยรายละเอียดเชิงลึก
Embassy ไม่ได้มาช่วยแค่ “ตกแต่งให้สวย” แต่เข้ามาร่วมวางแนวคิดด้าน Design & Sensory Experience ทั้งหมดของโครงการ ตั้งแต่การวางอารมณ์ของพื้นที่ การจัดสัดส่วนความรู้สึกเมื่อเดินเข้ามาในแต่ละโซน ไปจนถึงการออกแบบ Touchpoint เล็กๆ ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสได้ถึงตัวตนของ Culture แบบชัดเจนและต่อเนื่องครับ

และด้วยแนวคิดที่ถือว่าเป็นส่วนผสมหลัก เป็นเสาหลักของแบรนด์ทั้ง 4 Pillars นี้ รวมเข้าด้วยกัน พร้อมความร่วมมือจากพันธมิตรหลากความถนัด หลายแบรนด์ ทำให้เกิดเป็นแบรนด์ใหม่คือ Culture คอนโดบนทำเลที่ดีที่สุด ทองหล่อและจุฬาฯ นั่นเองครับ
เพื่อนๆ ที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ หากใครที่สนใจอยากเข้ามาเยี่ยมชมโครงการแล้วหล่ะก็ Culture ทั้ง 2 แห่ง พร้อมเปิดให้เข้าชมวิวจริง ห้องจริง แล้วในวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน 2568 นี้ สามารถลงทะเบียนนัดหมายเยี่ยมชม พร้อมรับสิทธิพิเศษก่อนใคร ได้ที่ลิงก์ของแต่ละโครงการ ด้านล่างนี้เลยครับ
Culture Thonglor : https://www.ananda.co.th/th/condominium/culture-thonglor
Culture Chula : https://www.ananda.co.th/th/condominium/culture-chula








