Cold Therapy หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘การบำบัดด้วยความเย็น’ กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปี 2025 ทั้งในกลุ่มคนรักสุขภาพ นักกีฬา และสายสกินแคร์ หลายคลินิกและฟิตเนสเริ่มเปิดบริการที่เกี่ยวข้องกับการแช่เย็น เช่น Ice Bath, การประคบเย็น หรือแม้แต่ห้องเย็นความเย็นจัดอย่าง Whole‑body Cryotherapy แนวโน้มยังเติบโตเรื่อยๆ เพราะคนเริ่มเห็นผลลัพธ์จริงว่าความเย็นช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น ลดอาการปวดเมื่อย และบางคนยังใช้เพื่อกระตุ้นสมาธิและสภาพจิตใจ
Cold Therapy มีแบบไหนให้เลือกบ้าง?
- Ice Bath คือการแช่ตัวลงในน้ำเย็นจัด ใช้เวลาสั้นๆ แค่ 5–10 นาที เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายหนัก หรือต้องการลดอาการบวมของกล้ามเนื้อหลังใช้งาน
- Whole-body Cryotherapy เป็นห้องแช่เย็นระดับอุณหภูมิต่ำมาก (ถึง -160°C) โดยใช้เวลาเพียง 2–3 นาที ให้ผลลัพธ์คล้าย Ice Bath แต่เย็นกว่าและแห้งกว่า นิยมในคลินิกสุขภาพหรือศูนย์กายภาพบำบัด
- Ice Water Dunk Face คือการจุ่มใบหน้าลงในน้ำเย็นจัด ช่วยลดอาการบวม แดง และกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดบริเวณผิวหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการรีเฟรชหน้าหรือฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน
- การประคบเย็น เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด เช่น ใช้ผ้าเย็นหรือเจลแช่เย็นประคบบริเวณที่มีอาการบวม ใช้ง่ายและปลอดภัย เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลจุดเฉพาะ
เหมาะกับคนที่:
- ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาสม่ำเสมอ ต้องการฟื้นตัวเร็ว
- ทำงานหน้าคอม หรือใช้สายตาหนัก ต้องการลดความล้าบริเวณหน้าและดวงตา
- รู้สึกเครียดง่าย อยากลองฝึกสมาธิผ่านการควบคุมการหายใจในสภาพอากาศเย็น
- ต้องการลดอาการบวม ฟื้นฟูผิวหน้า หรือดูแลผิวจากอาการอักเสบเบื้องต้น
แต่ Cold Therapy อาจไม่เหมาะกับบางคน เช่น
- ผู้มีโรคหัวใจหรือความดันโลหิตไม่ปกติ
- ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดส่วนปลายหรือโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียน
- ผู้มีผิวแพ้ง่าย หรือมีประวัติผื่นแพ้อากาศเย็น
และหากเพื่อนๆ มีโรคประจำตัว ก่อนได้รับการบำบัดความเย็น หรือ Cold Therapy ควรปรึกษาแพทย์ก่อนลองใช้วิธีนี้
เพื่อนๆ หลายคนที่เคยลอง Cold Therapy อาจรู้สึกดีหลังใช้ เช่น รู้สึกสดชื่น, หลับง่ายขึ้น หรือกล้ามเนื้อที่เคยล้าก็ฟื้นตัวเร็วขึ้น ถ้าใช้ต่อเนื่อง 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ในระยะเวลา 1–2 เดือน ผลลัพธ์จะชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์ การฟื้นตัว และคุณภาพการนอน
ในแง่ของความคุ้มค่า การเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างประคบเย็นหรือ Ice Water Dunk Face สามารถทำที่บ้านได้โดยไม่ต้องลงทุนมาก ส่วน Ice Bath หรือ Cryotherapy อาจมีค่าใช้จ่าย แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ก็ถือว่าเป็นการดูแลตัวเองที่คุ้มค่าและมีประโยชน์