หยุดนิสัยเช็กพอร์ตทุก 5 นาที และปล่อยให้เงินทำงานไปอย่างสงบ

Highlights

  • การเช็กพอร์ตบ่อยเกิดจากอารมณ์ แก้ไขด้วยการใช้กลยุทธ์ DCA/VA และ Rebalancing อัตโนมัติ เพื่อสร้างวินัยและตัดอคติ
  • กำหนดเวลาเช็กพอร์ตให้ชัดเจน (เช่น เดือนละครั้ง) และเปลี่ยนไปโฟกัสที่ ปัจจัยพื้นฐาน (Value) ของบริษัท แทนการดูราคาผันผวนรายวัน
  • การมี Emergency Fund ช่วยให้คุณไม่ถูกบังคับให้ต้องขายสินทรัพย์ในช่วงตลาดตกต่ำ ทำให้สามารถลงทุนระยะยาวได้อย่างมั่นคงและไร้ความกังวล

การเริ่มต้นเข้าสู่โลกของ การลงทุน หรือ เทรดหุ้น เพื่อสร้างพอร์ตหุ้นใหม่ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับหลายคนที่เพิ่งเริ่มต้น วงการนี้อาจกลายเป็นแหล่งความกังวลมากกว่าการสร้าง Passive Income ที่ฝันไว้ อาการที่ต้องคอยเช็กพอร์ตทุก 5 นาทีไม่ใช่เรื่องแปลก นั่นเป็นสัญญาณของความกังวลที่เรียกว่าการติดยึดผลลัพธ์ระยะสั้น (Short-term Outcome Bias) หรือที่นักจิตวิทยาการเงินเรียกว่า Disposition Effect คือการที่เรามุ่งความสนใจไปที่ความผันผวนรายวันมากเกินไป จนลืมเป้าหมายหลักในการลงทุนระยะยาว

เมื่อเห็นตัวเลขสีแดงกระพริบ ใจก็เริ่มสั่น การตัดสินใจลงทุนก็จะถูกขับเคลื่อนด้วย ความกลัว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่พลาด และสุดท้ายจากที่ตั้งใจจะสร้าง Passive Income ก็กลายเป็น แพนิค (Panic) ไปเสียอย่างนั้น ดังนั้น การจัดการกับอารมณ์ในการลงทุน จึงสำคัญไม่แพ้การจัดการเงินลองมาดูเทคนิคที่จะช่วยลดความกังวลและทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพมากขึ้น

หัวใจของการลงทุนระยะยาวที่สบายใจ คือการทำให้การลงทุนเป็นไปแบบระบบอัตโนมัติ เพื่อตัดอคติทางอารมณ์ออกไป ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เวลาน้อย และอยากสร้างความมั่งคั่งไปพร้อม ๆ กับการใช้ชีวิต

  • ตั้งเป้าหมายและกำหนดสัดส่วนที่ชัดเจน ก่อนจะเริ่มลงทุน ให้กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น ‘ต้องการเงิน 5 ล้านบาท ในอีก 10 ปี เพื่อซื้อบ้าน’ จากนั้นให้กำหนด สัดส่วนการลงทุน ที่รับความเสี่ยงได้ เช่น หุ้น 70% ตราสารหนี้ 30% หรือแบ่งเป็นกองทุนรวมตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
    – Action: เมื่อกำหนดสัดส่วนแล้ว ให้คุณตั้งใจว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมันบ่อย ๆ (อย่างน้อย 1 ปี/ครั้ง) เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจตามอารมณ์ตลาด

  • ใช้กลยุทธ์ DCA/VA (Dollar-Cost Averaging / Value Averaging) นี่คือเทคนิคทองคำของการลงทุนแบบสบายใจ DCA คือการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์จะขึ้นหรือลง
    – Action: ตั้งค่าให้ระบบของธนาคารหรือโบรกเกอร์ ตัดเงินจากบัญชีของเพื่อน ๆ อัตโนมัติ ในวันเดียวกันของทุกเดือน (เช่น วันที่ 25) แล้วเข้าซื้อกองทุนหรือหุ้นที่เลือกไว้ วิธีนี้จะทำให้การลงทุนเป็นไปตามวินัยอย่างแท้จริง และทำให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องมานั่งคิดว่า ‘วันนี้ควรซื้อดีไหม?’

  • การปรับสมดุลพอร์ตแบบไม่ถี่ เมื่อเวลาผ่านไป สัดส่วนการลงทุนที่คุณตั้งไว้ (เช่น หุ้น 70% ตราสารหนี้ 30%) อาจจะคลาดเคลื่อนไป เพราะหุ้นโตเร็วกว่า สิ่งนี้ทำให้พอร์ตของเพื่อน ๆ มีความเสี่ยงสูงเกินไป
    – Action:  กำหนดให้ปรับสมดุลพอร์ตเพียงปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อสัดส่วนเบี่ยงเบนไปเกินกว่าที่กำหนด (เช่น +/- 5%) เช่น หากหุ้นเพิ่มเป็น 80% ให้ขายหุ้นบางส่วนแล้วไปซื้อตราสารหนี้เพิ่ม การทำเช่นนี้เป็นการ ‘ขายเมื่อแพง และซื้อเมื่อถูก’ โดยอัตโนมัติ และช่วยลดความจำเป็นในการเช็กพอร์ตรายวันได้อย่างมาก

ความผันผวนเป็นเรื่องปกติของตลาดทุน แต่ความผิดปกติคือการที่เราปล่อยให้อารมณ์เข้าควบคุมการตัดสินใจ การฝึกวิชาใจนิ่งจึงเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้การวิเคราะห์งบการเงิน

  • กำหนดเวลาเช็กพอร์ตให้ชัดเจน การเช็กพอร์ตทุก 5 นาทีเป็นการทำลายสมาธิและทำให้เกิดความเครียด ลองกำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับการตรวจสอบพอร์ต ซึ่งไม่ควรเกิน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ เดือนละ 1 ครั้ง
    – Action: กำหนดวันในปฏิทิน เช่น ทุกวันศุกร์เวลา 18:00 น. จะใช้เวลา 15 นาทีในการดูพอร์ต ในระหว่างวันทำงานไม่ควรเปิดแอปพลิเคชันตลาดหุ้นเลย การทำเช่นนี้ช่วยฝึกให้สมองคุณรู้ว่าเรื่องนี้มีเวลาจัดการที่แน่นอนแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลตลอดเวลา

  • โฟกัสไปที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่คุณลงทุน สาเหตุที่เราเช็กพอร์ตบ่อย ๆ คือเรามองที่ราคา มากกว่ามองที่ คุณค่า หากคุณลงทุนในบริษัทที่ดี มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีกำไรเติบโต และมีวิสัยทัศน์ที่ดี การเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นก็เป็นเพียง เสียงรบกวน
    – Action: ลองอ่าน รายงานประจำปี (Annual Report) ของบริษัทที่เพื่อน ๆ ลงทุน หรือติดตามข่าวสารเชิงกลยุทธ์ของบริษัทเดือนละครั้ง แทนที่จะดูราคาหุ้นรายวัน การทำเช่นนี้ช่วยเปลี่ยนมุมมองจาก นักเก็งกำไร เป็น เจ้าของกิจการทำให้คุณเข้าใจว่าการลงทุนของคุณยังคงอยู่บนเส้นทางที่ดี แม้ราคาจะตกชั่วคราวก็ตาม

  • สร้างเกราะป้องกันความเครียดด้วยการจัดระเบียบชีวิต ความกังวลในการลงทุนมักจะรุนแรงขึ้นเมื่อชีวิตด้านอื่น ๆ ไม่เป็นระเบียบ การจัดการทางการเงินที่ดีจึงควรครอบคลุมไปถึงการใช้ชีวิตทั้งหมด
    – Action: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเรามีเงินสำรองฉุกเฉิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 6-12 เดือน การมีเงินก้อนนี้อยู่ จะช่วยให้ไม่ต้องขายสินทรัพย์ลงทุน ในช่วงที่ตลาดตกต่ำเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกับดักที่ทำให้นักลงทุนมือใหม่ต้องขาดทุน

  • ใช้เทคนิคการทำสมาธิ (Mindfulness) หากรู้สึกว่าความเครียดเริ่มเข้ามาครอบงำ ให้ลองใช้เทคนิคการทำสมาธิสั้น ๆ หรือการหายใจเข้า-ออกลึก ๆ เพื่อดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เมื่อใจนิ่งแล้วจะสามารถมองสถานการณ์ตลาดได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น
    – Action: ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือขาย ให้หยุดพัก 5 นาที ดื่มน้ำ และถามตัวเองว่า การตัดสินใจครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลหรืออารมณ์?  หากคำตอบคืออารมณ์ ให้เลื่อนการตัดสินใจนั้นออกไปก่อน

Related Posts

Leave a Comment

Categories

Recent Posts

Popular Tags

Scroll to Top