Highlights
Second Hand Culture คือการนิยามความเท่ใหม่ในโลกยุคใหม่ มันคือการประกาศว่าเราสามารถมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์โดยไม่จำเป็นต้องทำลายโลก การเปลี่ยนจากการเป็นผู้บริโภคแบบทิ้งขว้าง มาเป็นผู้บริโภคที่ใส่ใจ คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดสู่การเป็น Circular Economy อย่างแท้จริง
เคยสังเกตไหมว่าทำไมเสื้อวินเทจจากยุค 90s หรือกระเป๋าหนังดีไซน์คลาสสิกถึงมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างประหลาด? นั่นเพราะของมือสองทุกชิ้นไม่ได้มีแค่ ‘ราคา’ แต่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘Story’ อยู่ข้างใน
ในโลกที่ทุกคนสามารถเดินเข้าห้างและซื้อเสื้อแบบเดียวกันได้ การหาของมือสองที่หาย หรือมีสไตล์เฉพาะตัว คือการประกาศอิสรภาพทางแฟชั่นของคุณให้ไม่ซ้ำใคร มันคือการสร้าง Signature Look ที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง ที่สำคัญที่สุดคือ ‘การแคร์โลก’ เป็นอีกหนึ่งในความเท่ในยุคนี้ เพราะการซื้อเสื้อผ้ามือสองคือการลดความต้องการในการผลิตใหม่ การเลือกของมือสองจึงเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสื้อผ้าคือความจำเป็นและเป็นความสุขส่วนตัว แต่เบื้องหลังรันเวย์อันตระการตาและราคาที่เข้าถึงง่ายของแบรนด์ Fast Fashion คือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่มหาศาล และกลายเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อโลกของเรา หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า อุตสาหกรรมแฟชั่น ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษมากเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบในหลายมิติ
- การใช้น้ำมหาศาล การปลูกฝ้ายเพื่อผลิตเสื้อยืดเพียงตัวเดียว ต้องใช้น้ำมากถึง 2,700 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำดื่มของคนหนึ่งคนเป็นเวลาเกือบ 3 ปี
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุตสาหกรรมแฟชั่นสร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นประมาณ 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก มากกว่าการบินระหว่างประเทศและการเดินเรือรวมกันเสียอีก
- ขยะสิ่งทอ ด้วยวงจรแฟชั่นที่รวดเร็ว ทำให้เสื้อผ้าถูกทิ้งจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ละปีมีเสื้อผ้าหลายล้านตันถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบ และส่วนใหญ่เป็นใยสังเคราะห์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
- มลพิษทางน้ำจากสารเคมี กระบวนการย้อมสีและการตกแต่งผ้าใช้สารเคมีอันตรายกว่า 2,000 ชนิด ซึ่งมักถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำโดยไม่มีการบำบัด ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำและสุขภาพของชุมชนโดยรอบโรงงาน

การซื้อของมือสองคือการปฏิบัติการ Circular Economy ที่ง่ายที่สุด เมื่อเพื่อน ๆ ซื้อเสื้อผ้ามือสอง คุณกำลังทำให้วงจรชีวิตของสินค้าชิ้นนั้นยืดออกไปอีก ลดความจำเป็นในการผลิตใหม่ และลดขยะที่จะถูกส่งไปหลุมฝังกลบโดยตรง มันคือการเป็นผู้บริโภคที่มีส่วนร่วมในการปิดวงจรของทรัพยากร ซึ่งหมายถึงการลดปริมาณการใช้ทรัพยากรตั้งแต่ต้นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟฟ้า สารเคมี และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งและการผลิตใหม่
เศรษฐกิจหมุนเวียนยังหมายถึงการเปลี่ยนความคิดจากความเป็นเจ้าของชั่วคราวไปสู่การเป็นผู้ดูแลของสินค้าชิ้นนั้น ๆ เมื่อคุณเบื่อ คุณสามารถขายหรือบริจาคต่อ เพื่อให้คนอื่นได้ดูแลและใช้ประโยชน์จากมันต่อไป ทำให้มูลค่าของสินค้าไม่สูญหายไปกับขยะ
การซื้อของมือสองจึงเป็นมากกว่าการประหยัด แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของโลกที่เราอยู่ เป็นการแสดงพลังของผู้บริโภคที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

นี่คือพิกัดคลาสสิกและแหล่งใหม่ที่สายวินเทจและแฟชั่นยั่งยืนต้องไปเยือน เพื่อสัมผัสเนื้อผ้าและกลิ่นอายของ Story ด้วยตัวเอง
- ตึกแดง วินเทจ จตุจักร เป็นแหล่งรวมร้านวินเทจที่มีการจัดสรรพื้นที่ดี มีห้องแอร์ให้เดินสบาย
จุดเด่น: มีความหลากหลายของสไตล์วินเทจและแบรนด์เนมให้เลือกในราคาที่สมเหตุสมผล - ตลาดปัฐวิกรณ์ ายฮาร์ดคอร์ที่ชอบความท้าทายในการค้นต้องที่นี่
จุดเด่น: ราคาย่อมเยามาก มีโอกาสเจอ Rare Item สูง แต่ต้องใช้ความอดทนในการคัดเลือก - ตลาดนัดวินเทจเฉพาะกิจ ลองติดตามงานอีเวนต์ที่รวมร้านวินเทจชื่อดังมาไว้ในที่เดียว
จุดเด่น: มักจะได้เจอร้านวินเทจที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีการคัดเลือกไอเทมที่มีคุณภาพและมี Story น่าสนใจมาขายโดยเฉพาะ - ร้าน Vintage Selected Store ในเมือง ร้านที่คัดสรรมาอย่างดี มักกระจายตัวอยู่ในย่านอย่าง เจริญกรุง (Charoenkrung), เอกมัย-ทองหล่อ หรือ พร้อมพงษ์
จุดเด่น: ไอเทมคุณภาพสูง มีธีมชัดเจน เจ้าของร้านมีความรู้ และมักเป็นของที่หายากหรือมีมูลค่าในฐานะของสะสม






